1. แผนกลยุทธ์สหกรณ์และแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์ คืออะไร
1.1 แผนกลยุทธ์สหกรณ์
เป็นแผนระยะกลาง (3 - 5 ปี) หรือแผนระยะยาวของสหกรณ์ (มากกว่า 5 ปี)
จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางการดำเนินงานของสหกรณ์ในอนาคต มีการกำหนดนโยบาย
ทิศทาง และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในภาพรวมของสหกรณ์ มีการทบทวนนโยบายการบริหารงานสหกรณ์
กำหนดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ตลอดจนกำหนดนโยบาย แผนงานและโครงการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ ซึ่งแผนกลยุทธ์สหกรณ์ต้องผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่
นำไปดำเนินการโดยคณะกรรมการ ฝ่ายจัดการ โดยการมีส่วนร่วมของสมาชิก มีการติดตาม ประเมินผล
และทบทวนแผนงาน โดยคณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการ และที่ประชุมใหญ่
1.2 แผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์ ก็จัดเป็นแผนกลยุทธ์สหกรณ์
มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกัน แต่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงหรือฟื้นฟูการดำเนินงานของสหกรณ์ที่อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ
โดยเฉพาะสถานการณ์ที่สหกรณ์มีผลการดำเนินงานขาดทุนสะสมเกินกึ่งหนึ่งของทุนเรือนหุ้น
ซึ่ง พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 16 (4) ให้นายทะเบียนสหกรณ์มีอำนาจหน้าที่
ออกคำสั่งให้มีการตรวจสอบ หรือไต่สวนเกี่ยวกับการจัดตั้งการดำเนินงาน
หรือฐานะการเงินของสหกรณ์ หรือให้จัดทำแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์ มาตรา 55
วรรคแรกกำหนดว่า
“…ในกรณีที่สหกรณ์ขาดทุนเกินกึ่งของจำนวนทุนเรือนหุ้นที่ชำระแล้ว
ต้องเรียกประชุมใหญ่วิสามัญโดยมิชักช้าแต่ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่สหกรณ์ทราบ”
ส่วนระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ความเห็นชอบวงเงินการกู้ยืมหรือการค้ำประกันของสหกรณ์
พ.ศ. 2561 ข้อ 7.2.1 วรรคสองกำหนดว่า
“…กรณีสหกรณ์มีผลขาดทุนสะสมตามงบการเงินปีปัจจุบัน ให้พิจารณาจากทุนเรือนหุ้นหลังหักผลขาดทุนสะสมแล้ว
กรณีสหกรณ์ใดมีผลขาดทุนสะสมเกินกึ่งของจำนวนทุนเรือนหุ้น ในการกำหนดวงเงินการกู้ยืมจะต้องเสนอแผนฟื้นฟูการดำเนินงานของสหกรณ์ให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาเห็นชอบด้วย
และในการพิจารณาให้ความเห็นชอบวงเงินการกู้ยืม ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดหาเงินทุนเพื่อดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูการดำเนินงานของสหกรณ์
แต่ต้องไม่เกินกว่าหลักเกณฑ์กำหนดค่าสัมประสิทธิ์ในการคำนวณวงเงินการกู้ยืมของสหกรณ์
(รายละเอียด ข้อ 7.2.2) หรือเท่ากับที่สหกรณ์ก่อหนี้ภาระผูกพันไว้แล้ว”
และระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ว่าด้วยการบัญชีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
พ.ศ. 2563 ข้อ 16 (2) กำหนดว่า
“กรณีสหกรณ์ผู้รับฝากมีผลการดำเนินงานขาดทุนสะสมเกินกึ่งหนึ่งของทุนเรือนหุ้นและงบแสดงฐานะการเงินมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า
สหกรณ์ผู้รับฝากขาดสภาพคล่องไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่จะจ่ายคืนเงินฝากได้
และไม่ได้ดำเนินการจัดทำแผนปรับปรุงการดำเนินงานแต่อย่างใดให้สหกรณ์ผู้ฝากบันทึกค่าเผื่อเงินฝากสหกรณ์อื่นสงสัยจะสูญเต็มจำนวนของเงินฝากนั้น
แต่หากสหกรณ์ผู้รับฝากอยู่ในระหว่างการจัดทำแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์ตามคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์
ให้สหกรณ์ผู้ฝากทยอยบันทึกค่าเผื่อเงินฝากสหกรณ์อื่นสงสัยจะสูญตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนปรับปรุงการดำเนินงานนั้น
ถ้าสหกรณ์ผู้รับฝากมีฐานะการเงินดีขึ้นโดยงบแสดงฐานะการเงินของสหกรณ์ผู้รับฝากไม่ปรากฎผลขาดทุนสะสมแล้ว
หรือสหกรณ์ผู้ฝากได้รับเงินฝากคืน ให้สหกรณ์ผู้ฝากระงับการบันทึกค่าเผื่อเงินฝากสหกรณ์อื่นสงสัยจะสูญ…”
2. แผนกลยุทธ์สหกรณ์หรือแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์
มีความสำคัญอย่างไรในปัจจุบันและอนาคต
2.1 แผนกลยุทธ์สหกรณ์หรือแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์
มีความสัมพันธ์และความสำคัญต่อแผนพัฒนาการสหกรณ์
ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 – 2570) ด้วยตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายของแผนพัฒนาการสหกรณ์
ฉบับที่ 5 กำหนดให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งในปี 2570 โดยสหกรณ์ภาคการเกษตรชั้น 1 และ
ชั้น 2 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 โดยมีสหกรณ์ระดับชั้น 1 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 18
สหกรณ์นอกภาคการเกษตรชั้น 1 และ ชั้น 2 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 โดยมีสหกรณ์ระดับชั้น
1 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 45 กำหนดให้สหกรณ์ที่มีสมรรถนะสูง ในปี 2570 โดยสหกรณ์ภาคการเกษตร
ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 สหกรณ์นอกภาคการเกษตร ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 กำหนดให้สหกรณ์ที่สามารถนำเทคโนโลยี
นวัตกรรมให้บริการสมาชิก มีจำนวนอย่างน้อยร้อยละ 10 ต่อปี กำหนดให้สหกรณ์ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ในปี 2570 และกำหนดให้ความพึงพอใจของสมาชิกต่อการให้บริการของสหกรณ์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของสมาชิก
มีสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ในปี 2570
2.2 แผนกลยุทธ์สหกรณ์หรือแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์
มีความสัมพันธ์และความสำคัญต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) ด้วยแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 มีวัตถุประสงค์เพื่อ
“พลิกโฉมประเทศไทยสู่ สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” ให้ความสำคัญกับบทบาทของสหกรณ์
โดยกำหนดกลยุทธ์และเป้าหมายการพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ตามหมุดหมายการพัฒนา
ดังนี้หมุดหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง
เป้าหมายที่ 3 เพิ่มศักยภาพและบทบาทของผู้ประกอบการเกษตรในฐานะหุ้นส่วนเศรษฐกิจของห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับส่วนแบ่งประโยชน์อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
ตัวชี้วัดที่ 3.1 จำนวนสหกรณ์ภาคเกษตรในชั้นที่ 1
ตามเกณฑ์การจัดระดับความเข้มแข็งสหกรณ์เพิ่มขึ้น อย่างน้อยร้อยละ 18
เมื่อสิ้นสุดแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ตัวชี้วัดที่ 3.2 จำนวนกลุ่มเกษตรกรในชั้นที่ 1 ตามเกณฑ์การจัดระดับความเข้มแข็งกลุ่มเกษตรกรเพิ่มขึ้น
อย่างน้อยร้อยละ 6 เมื่อสิ้นสุดแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
2.3 กฎหมายกำหนดให้สหกรณ์แผนกลยุทธ์สหกรณ์
กฎกระทรวงการดำเนินงานและการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
พ.ศ. 2564 ข้อ 5 ให้คณะกรรมการของสหกรณ์ขนาดใหญ่ (สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
ซึ่งมีขนาดสินทรัพย์ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป)
และชุมนุมสหกรณ์ มีอำนาจหน้าที่ (1) กำหนดนโยบาย ทิศทาง
และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในภาพรวมของสหกรณ์เพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่พิจารณาอนุมัติ
รวมทั้งกำกับดูแลให้ฝ่ายจัดการดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
3. สถานการณ์การจัดทำแผนกลยุทธ์หรือแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์ในปัจจุบัน
สหกรณ์ขนาดใหญ่ตามกฎกระทรวงการดำเนินงานและการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
พ.ศ. 2564 ต้องจัดทำแผนกลยุทธ์ของสหกรณ์ตาม ข้อ 5 (1) ส่วนสหกรณ์ที่มีสถานะทางการเงินมีผลขาดทุนสะสมเกินกึ่งของจำนวนทุนเรือนหุ้น
ต้องดำเนินการจัดทำแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์ ตาม พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ. 2542
และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 16 (4) และเรียกประชุมใหญ่วิสามัญตามมาตรา 55ส่วนสหกรณ์ที่มีผลการดำเนินงานปกติทั่วไป
ที่ไม่ใช่สหกรณ์ขนาดใหญ่ตามกฎกระทรวงฯ พ.ศ. 2564 และไม่เป็นสหกรณ์ที่มีสถานะทางการเงินมีผลขาดทุนสะสมเกินกึ่งของจำนวนทุนเรือนหุ้น
ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อการจัดทำแผนกลยุทธ์สหกรณ์
4. แผนกลยุทธ์สหกรณ์หรือแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์กับการจัดระดับความเข้มแข็งสหกรณ์
การจัดระดับความเข้มแข็งสหกรณ์ตามระดับชั้น
มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการพัฒนาศักยภาพของสหกรณ์ให้สอดคล้องในแต่ละระดับชั้น
และเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของสหกรณ์ โดยการจัดระดับความเข้มแข็งสหกรณ์ตามระดับชั้นได้จำแนกสหกรณ์เป็น
4 ระดับชั้น ได้แก่
ชั้นที่
1
เป็นสหกรณ์ที่มีความสามารถในการให้บริการสมาชิกได้มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 70
มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับมาตรฐานขึ้นไป มีชั้นคุณภาพการควบคุมภายในดีถึงดีมาก
ไม่มีข้อบกพร่องจากการดำเนินงาน หรือมีข้อบกพร่องแต่ได้ดำเนินการแก้ไขแล้วเสร็จสมบูรณ์
ชั้นที่
2
เป็นสหกรณ์ที่มีความสามารถในการให้บริการสมาชิกได้ระหว่างร้อยละ 60 – 69
มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน มีชั้นคุณภาพการควบคุมภายในระดับพอใช้
มีข้อบกพร่องซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขแล้วเสร็จแต่ต้องติดตามหรืออยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข
ชั้นที่
3
เป็นสหกรณ์ที่มีความสามารถในการให้บริการสมาชิกได้ต่ำกว่าร้อยละ 60
มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับต้องปรับปรุง มีชั้นคุณภาพภายในต้องปรับปรุงหรือไม่มีระบบควบคุมภายใน
เป็นสหกรณ์ที่เกิดข้อบกพร่อง และยังไม่เริ่มดำเนินการแก้ไข
ชั้นที่
4 เป็นสหกรณ์ที่นายทะเบียนสั่งเลิกกิจการแล้ว
อยู่ในระหว่างการชำระบัญชี
การประเมินผลการดำเนินงานตามเกณฑ์การจัดระดับความเข้มแข็งของสหกรณ์
ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่
1) ความสามารถในการให้บริการสมาชิก
จะเป็นการประเมินว่าสหกรณ์มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้บริการแก่สมาชิกในด้านต่าง
ๆ เช่น การรับฝากเงิน การให้เงินกู้ การจัดหาสินค้ามาจำหน่าย การแปรรูปผลผลิต
และการรวบรวมผลผลิต
2) ประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
เป็นการประเมินจากอัตราส่วนทางการเงินของสหกรณ์ในการดำเนินธุรกิจและการบริหารงานของสหกรณ์
โดยพิจารณาจาก (1) อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (2) อัตราผลตอบแทนต่อทุน (3)
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (4) อัตราส่วนทุนหมุนเวียน (5) อัตราค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน
(6) อัตราส่วนทุนสำรองต่อสินทรัพย์ และ (7) อัตราส่วนหนี้ระยะสั้นที่ชำระได้ตามกำหนด
3) ประสิทธิภาพในการจัดการองค์กร
จะประเมินจากชั้นคุณภาพของการควบคุมภายในของสหกรณ์
4) ประสิทธิภาพของการบริหารงาน
จะประเมินถึงการบริหารงานของคณะกรรมการ โดยพิจารณาจากการเกิดข้อบกพร่องในการบริหารงานของสหกรณ์ประกอบด้วย
(1) การเกิดการทุจริต และ (2) การเกิดข้อบกพร่อง จำแนกประเภทได้ดังนี้ (1)
ข้อบกพร่องทางบัญชี (2) ข้อบกพร่องทางการเงิน (3) การดำเนินการนอกกรอบวัตถุประสงค์ (4)
พฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย และ (5) ข้อบกพร่องอื่น ๆ
ดังนั้น แผนกลยุทธ์สหกรณ์หรือแผนปรับปรุงการดำเนินงานของสหกรณ์จะช่วยให้การจัดระดับความเข้มแข็งสหกรณ์มีความเป็นไปได้มากขึ้นในการยกระดับชั้นสหกรณ์ไปสู่สหกรณ์ชั้น
1 หรือยกระดับชั้นสหกรณ์ให้สูงขึ้น เพราะแผนกลยุทธ์สหกรณ์จะช่วยกำหนดนโยบาย แผนงานและโครงการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ ให้สอดคล้องกับการประเมินผลการดำเนินงานตามเกณฑ์การจัดระดับความเข้มแข็งของสหกรณ์
5. สรุป สหกรณ์ทุกขนาดทุกประเภทที่มีสถานะทางการเงินปกติควรให้ความสำคัญต่อการจัดทำแผนกลยุทธ์สหกรณ์
เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการและการดำเนินงานของสหกรณ์ให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย
ทิศทาง และเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในภาพรวมของสหกรณ์ มีส่วนร่วมในการทบทวนนโยบายการบริหารงานสหกรณ์
มีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย
แผนงานและโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ มีส่วนร่วมในการอนุมัติแผนกลยุทธ์สหกรณ์ในที่ประชุมใหญ่
มีการนำแผนกลยุทธ์สหกรณ์ไปดำเนินการโดยคณะกรรมการ ฝ่ายจัดการ โดยการมีส่วนร่วมของสมาชิก
ตลอดจนมีการติดตาม ประเมินผล และทบทวนแผนงาน โดยคณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการ
และที่ประชุมใหญ่