วงศาวิทยาว่าด้วยการสหกรณ์ มีผู้อธิบายเรื่องการสหกรณ์ไว้หลากหลายแง่มุม อาทิ ด้านกฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง เป็นต้น ด้วยการสหกรณ์มีการขยายตัวไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกมีจำนวนสหกรณ์กว่า 3 ล้านแห่ง กว่าร้อยละ 12 ของประชากรโลกมีความเกี่ยวข้องกับสหกรณ์ (ICA, online)
การศึกษาเรื่องการสหกรณ์ในบริบทที่แตกต่างกันจะช่วยให้เกิดมุมมองที่ลึกและกว้างสามารถนำบทเรียนการพัฒนาสหกรณ์ในบริบทที่แตกต่างกันใช้เป็นแนวทางในการกำหนดแนวทางการพัฒนาสหกรณ์ให้ประสบความสำเร็จ
โดยการนำผลการศึกษาเรื่องการสหกรณ์ในบริบทที่แตกต่างกันไปใช้อธิบายเรื่องเดียวกันในบริบทอื่น
ๆ ทั้งด้านประชากรและพื้นที่ (Generalization of Findings)
ภูมิศาสตร์ใช้อธิบายสหกรณ์อย่างไร
การมองสหกรณ์ผ่านกรอบคิดอย่างภูมิศาสตร์
(Geographic)
จะช่วยให้มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสาเหตุการจัดตั้งสหกรณ์ รูปแบบของสหกรณ์
วิธีการดำเนินงาน การมีส่วนร่วมของสมาชิก และความสำเร็จของสหกรณ์ ว่ามีความสัมพันธ์
มีความเกี่ยวข้อง โดยสามารถอธิบายความสัมพันธ์ได้ในเชิงพื้นที่ (Spatial) กับทัศนะคติและพฤติกรรมของคน ด้วยภูมิศาสตร์
เป็นศาสตร์เชิงพื้นที่ซึ่งมีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับการอธิบายการปรากฏของสิ่งต่าง
ๆ บนพื้นโลก ซึ่งนักภูมิศาสตร์ไม่ได้มองสิ่งที่ปรากฏเท่าที่มันปรากฏแต่พยายามหาคำอธิบายว่าทำไมมันจึงปรากฏ
ที่อื่นมีปรากฏด้วยหรือไม่และอะไรคือเหตุปัจจัยที่ทำให้สิ่งนั้นปรากฏในบางพื้นที่แต่ไม่ปรากฏในอีกบางพื้นที่
ซึ่ง Alfred Hettner และ Otter Schluter นิยามไว้ว่าเป็นเรื่องของความแตกต่างเชิงพื้นที่ (Areal differentiation)
(James, 1972 อ้างใน มนัส สุวรรณ, 2557)
สหภาพภูมิศาสตร์ระหว่างประเทศ
(International
Geographical Union : IGU) มีข้อเสนอว่าวิชาภูมิศาสตร์ควรมีบทบาทที่สำคัญในฐานะวิชาหลัก
(Key discipline) ในกระบวนการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษา เนื่องจาก
วิชาภูมิศาสตร์จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจ (to understand) การปรากฏของสิ่งต่าง
ๆ บนพื้นโลกได้ดีขึ้นความรู้ในวิชาภูมิศาสตร์จะเพิ่มศักยภาพของผู้เรียนหรือผู้ที่ใฝ่รู้ให้สามารถต่อสู้กับสิ่งต่าง
ๆ (to cope) รอบตัวได้ดีขึ้น ภูมิศาสตร์จะทำให้ผู้เรียนมีความสามารถมากขึ้นในการสังเคราะห์
(to synthesize) และ/หรือเชื่อมโยง (to bridge) ปรากฎการณ์ที่เกิดบนพื้นโลกด้วยธรรมชาติของสาระที่ครอบคลุมทั้งศาสตร์ธรรมชาติศาสตร์บริสุทธิ์
และศาสตร์สังคม ตลอดจนความรู้ในวิชาภูมิศาสตร์จะเป็นพื้นฐานความรู้ (to
share) สำหรับการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในศาสตร์อื่นต่อไป (Holt-Jensen,
1999 อ้างใน มนัส สุวรรณ, 2557)
การสหกรณ์
เกี่ยวข้องกับบริบททางด้านเศรษฐกิจและสังคมของมนุษย์ ว่ากันด้วยเรื่องการร่วมมือกันในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อช่วยเหลือตนเอง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยมีเป้าหมายในการกินดีอยู่ดี ร่วมกัน อย่างผาสุก
กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมของสหกรณ์
สามารถจำแนกได้ตามประเภทของสหกรณ์ ซึ่งในประเทศไทยอาจจำแนกได้เป็นสหกรณ์ภาคการเกษตร
(สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ประมง และสหกรณ์นิคม) และสหกรณ์นอกภาคการเกษตร (สหกรณ์บริการ
สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน) ซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรจะเกี่ยวข้องกับภูมิศาสตร์เศรษฐกิจในเรื่อง
การผลิต รูปแบบการกระจายตัวของการผลิตทางการเกษตร การแลกเปลี่ยน การรวบรวม
การแปรรูป การตลาด และใช้บริการต่าง ๆ ของสหกรณ์ ตลอดจนการให้บริการทางด้านสวัสดิการและบริการทางสังคมต่าง
ๆ ส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหกรณ์นอกภาคการเกษตรภูมิศาสตร์เศรษฐกิจในเรื่อง รูปแบบการใช้บริการทางการเงินและการค้า
การกระจายตัวของสมาชิกในพื้นที่ต่าง ๆ การจัดตั้งสำนักงานและสาขา
ตลอดจนการให้บริการทางด้านสวัสดิการและบริการทางสังคมต่าง ๆ
ภูมิศาสตร์สามารถอธิบายสหกรณ์ได้
โดยช่วยวิเคราะห์ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างกายภาพของพื้นที่ที่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมของสหกรณ์ในพื้นที่หนึ่ง
ๆ ช่วยให้มองเห็นปรากฏการณ์ทางกายภาพกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมของสหกรณ์
ที่เกิดขึ้น ณ บริเวณที่ทำการศึกษา ว่ามีรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงที่มีความสัมพันธ์กันหรือไม่อย่างไร
สามารถอธิบายได้ว่ารูปแบบการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจปัญหาทางด้านกายภาพกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมของสหกรณ์ที่ทำการศึกษา
เช่น รูปแบบด้านการรวมกลุ่ม การมีส่วนร่วมของสมาชิกในการดำเนินธุรกิจกับสหกรณ์ ความรู้สึกผูกพันต่อสหกรณ์
ความเหมาะสมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมของสหกรณ์กับสภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเมื่อเข้าใจบริบทของสหกรณ์ในเชิงพื้นที่แล้ว
ภูมิศาสตร์ยังสามารถช่วยพัฒนาสหกรณ์ให้เกิดความเข้มแข็งขึ้นได้ ด้วยเครื่องมือสำคัญที่เรียกว่า
“ภูมิสารสนเทศศาสตร์”
ภูมิสารสนเทศศาสตร์
(Geoinformatics)
คือศาสตร์สารสนเทศที่เน้นการบูรณาการเทคโนโลยีทางด้านการสำรวจ
การทำแผนที่ และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่เข้าด้วยกัน
เพื่อศึกษาเกี่ยวกับพื้นที่บนโลกประกอบด้วย ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) กรรับรู้จากระยะไกล (RS) และระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก
(GPS) เทคโนโลยีทั้งสามประเภทนี้สามารถทำงานเป็นอิสระต่อกัน
หรือสามารถนำมาเชื่อมโยงร่วมกัน ทำให้ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นสมารถนำมาใช้ประโยซน์ได้หลายด้าน
เช่น กิจการทหาร การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการภัยพิบัติต่าง ๆ การวางผังเมืองและชุมชน
หรือแม้แต่ในเชิงธุรกิจก็ได้มีการนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศศาสตร์มาประยุกต์ใช้และประกอบการวางแผนการตัดสินใจในเรื่องต่าง
ๆ ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ (ศูนย์กิจการอวกาศ กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม,
ออนไลน์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น