สหกรณ์ คือ คณะบุคคลซึ่งร่วมกันดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกสหกรณ์ผู้มีสัญชาติไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของบรรดาสมาชิก โดยวิธีช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการสหกรณ์ มีอำนาจกระทำการ ดำเนินธุรกิจ การผลิต การค้า การบริการ และอุตสาหกรรม เพื่อประโยชน์ของสมาชิก ให้สวัสดิการหรือการสงเคราะห์ตามสมควรแก่สมาชิกและครอบครัว ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่สมาชิก ขอหรือรับความช่วยเหลือทางวิชาการ จากทางราชการ หน่วยงานของต่างประเทศ หรือบุคคลอื่นใด รับฝากเงินประเภทออมทรัพย์หรือประเภทประจำจากสมาชิกหรือสหกรณ์อื่น หรือสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ซึ่งมีสมาชิกของสมาคมนั้นไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้รับฝากเงิน หรือนิติบุคคลซึ่งมีบุคลากรหรือลูกจ้างไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ นิติบุคคลนั้น เป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้รับฝากเงิน ทั้งนี้ตามระเบียบของสหกรณ์ที่ได้รับความเห็นชอบจาก นายทะเบียนสหกรณ์ ให้กู้ ให้สินเชื่อ ให้ยืม ให้เช่า ให้เช่าซื้อ โอน รับจำนองหรือรับจำนำ ซึ่งทรัพย์สิน แก่สมาชิกหรือของสมาชิก จัดให้ได้มา ซื้อ ถือกรรมสิทธิ์หรือทรัพยสิทธิ ครอบครอง กู้ ยืม เช่า เช่าซื้อ รับโอนสิทธิการเช่าหรือสิทธิการเช่าซื้อ จำนอง หรือจำนำ ขาย หรือจำหน่ายด้วยวิธีอื่นใดซึ่งทรัพย์สิน ให้สหกรณ์อื่นกู้ยืมเงินได้ตามระเบียบของสหกรณ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์ ตลอดจนดำเนินกิจการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับ หรือเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของสหกรณ์
การดำเนินงานในฐานะสหกรณ์
ดำเนินการโดยคณะกรรมการสหกรณ์ หรือผู้จัดการสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์มีคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินกิจการ
และเป็นผู้แทนสหกรณ์ในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก
เพื่อการนี้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์จะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคน
หรือผู้จัดการทำการแทนก็ได้ ในการดำเนินกิจการของสหกรณ์ คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์
กรรมการ หรือผู้จัดการ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์
ขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการที่จะพึงดำเนินการได้ของสหกรณ์ ข้อบังคับของสหกรณ์
และมติที่ประชุมใหญ่ ทั้งนี้
ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของสหกรณ์หรือสมาชิก
ธุรกิจการให้เงินกู้ยืมแก่ของสหกรณ์
เป็นไปตามอำนาจกระทำการให้กู้ ให้สินเชื่อ ให้ยืม ให้เช่า ให้เช่าซื้อ โอน
รับจำนองหรือรับจำนำ ซึ่งทรัพย์สินแก่สมาชิกหรือของสมาชิก
เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของบรรดาสมาชิก
โดยวิธีช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการสหกรณ์ คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์
โดยคณะกรรมการเงินกู้ มีอำนาจหน้าที่ใน
การพิจารณาวินิจฉัยอนุมัติการให้เงินกู้แก่สมาชิกตามกฎหมาย ข้อบังคับ
ระเบียบ มติ และคำสั่งของสหกรณ์ ซึ่งต้องตรวจสอบการใช้เงินกู้ของสมาชิกให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ให้เงินกู้นั้น
ตรวจสอบและควบคุมให้เงินกู้มีหลักประกันตามที่กำหนดไว้ในระเบียบของสหกรณ์
และเมื่อเห็นว่าหลักประกันสำหรับเงินกู้รายใดเกิดบกพร่องก็ต้องกำหนดให้ผู้กู้จัดการแก้ไขให้คืนดีภายในระยะเวลาที่กำหนด
ดูแลและติดตามการชำระหนี้ของสมาชิกผู้กู้ให้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญา และรายงานและสอบสวนเบื้องต้นให้ได้ข้อความจริง
ในกรณีสมาชิกผู้กู้ขอผ่อนเวลาการส่งเงินงวดชำระหนี้เงินกู้
หรือผิดนัดการส่งเงินงวดชำระหนี้
เพื่อเสนอความเห็นให้คณะกรรมการดำเนินการพิจารณาผ่อนผันหรือเรียกคืนเงินกู้
หรือสอบสวนลงโทษให้สมาชิกออกจากสหกรณ์ หรือพิจารณาว่าตกเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ โดยจะต้องรายงานเป็นประจำทุกเดือน
หลักการสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจการให้เงินกู้ยืมแก่สมาชิกของสหกรณ์
นอกจากพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจกระทำการเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ของสหกรณ์แล้ว
จะต้องคำนึงว่า การให้สินเชื่อทุกประเภทมีความเสี่ยง
ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) เป็นความเสี่ยงทั้งในปัจจุบันหรือในภายหน้าที่มีต่อรายได้และส่วนทุนของกลุ่มเกษตรกรอันเกิดจากการที่ผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ตามเงื่อนไขและ/หรือข้อตกลงในสัญญา
เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการที่ลูกหนี้หรือคู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตามภาระที่ตกลงไว้
เช่น ลูกหนี้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้ในสัญญา
เป็นต้น รวมถึงโอกาสที่คู่ค้าจะถูก ปรับลดอันดับความเสี่ยงด้านเครดิต
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และเงินทุนของสหกรณ์
สหกรณ์สามารถนำหลักการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิต
(Credit
Risk Management) มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการจัดการการเงิน
โดยการกำหนดแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิต
เพื่อป้องกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของสมาชิกและแผนในการแก้ไขกรณีที่สมาชิก ขาดความสามารถในการชำระหนี้จนผิดนัดชำระหนี้
โดยมีเครื่องมือสำคัญ ได้แก่
1) การกำหนดแหล่งที่มา-ใช้ไปของทุน
ในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อ โดยพิจารณาถึงแหล่งที่มาของทุนว่ามาจากแหล่งภายใน -
ภายนอกสหกรณ์ เป็นแหล่งที่มาระยะสั้น - ระยะยาว
เพื่อวางแผนใช้ทุนดังกล่าวให้สอดคล้องเหมาะสมกับแหล่งที่ใช้ไปคือการให้เงินกู้แก่สมาชิกว่าเป็นการให้เงินกู้ระยะสั้นหรือระยะยาว
2) หลักการวิเคราะห์สินเชื่อ
5C ได้แก่
(1)
Character ลักษณะและความน่าเชื่อถือของผู้ขอสินเชื่อ
(2)
Capacity ความสามารถในการชำระหนี้คืน
(3)
Capital เงินทุน สินทรัพย์ เพื่อเป็นหลักประกันการให้กู้ยืม
(4)
Collateral ผู้ค้ำประกันหรือหลักประกันที่ผู้ขอสินเชื่อนำมาจำนำ
หรือจำนอง
เพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจและลดความเสี่ยงหากผู้ขอสินเชื่อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด
3) หลักการวิเคราะห์สินเชื่อ
3P
ได้แก่
(1)
วัตถุประสงค์ในการกู้เงิน (Purpose)
(2) การชำระเงินกู้ (Payment)
(3)
การป้องกันความเสี่ยง (Protection)
4) การตรวจสอบติดตาม
ได้แก่ ตรวจสอบการใช้เงินกู้ ตรวจสอบและควบคุมให้เงินกู้มีหลักประกันตามที่กำหนด
และดูแลและติดตามการชำระหนี้ของผู้กู้ให้เป็นไปตามที่กำหนด
นายทะเบียนสหกรณ์ ได้ให้คำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์
เรื่องหลักเกณฑ์การให้เงินกู้แก่สมาชิก อย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ให้ไว้ ณ วันที่
25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งคำแนะนำดังกล่าวสอดคล้องกับประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สกช. 7/2566 เรื่อง การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible
Lending) ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2566
ซึ่งมีรายละเอียดโดยสรุป ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม
(Responsible
Lending)
หลักเกณฑ์ |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง
การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม |
คำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่องหลักเกณฑ์การให้เงินกู้แก่สมาชิกอย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม |
1.
การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ/การให้บริการเงินให้กู้แก่สมาชิก |
ผู้ให้บริการต้องมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการ
ความสามารถในการชำระหนี้ และไม่กระตุ้นให้ก่อหนี้เกินควร
โดยควรผลักดันการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของลูกค้าหรือกลุ่มลูกค้าและลักษณะสินเชื่อ
(risk-based pricing) รวมทั้งเงื่อนไขสัญญามีความเป็นธรรมต่อลูกค้า |
การให้บริการเงินให้กู้แก่สมาชิก
ควรกำหนดให้เหมาะสมกับความต้องการของสมาชิก ความสามารถในการชำระหนี้ของสมาชิก
และไม่กระตุ้นให้สมาชิกก่อหนี้เกินควร
โดยควรผลักดันการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ให้สอดคล้องกับประเภทของเงินกู้
รวมทั้งเงื่อนไขสัญญาจะต้องมีความเป็นธรรมต่อสมาชิกผู้กู้ |
2. การโฆษณา/การประชาสัมพันธ์ |
ผู้ให้บริการต้องจัดทำและควบคุมโฆษณาให้มีเนื้อหาที่
“ถูกต้องและชัดเจน” “ครบถ้วนและปรียบเทียบเงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ได้”
และ “ไม่กระตุ้นให้ก่อหนี้เกินควร”
เพื่อให้ลูกค้าได้รับและเข้าใจข้อมูลที่จำเป็นจากโฆษณาอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจและส่งเสริมการมีวินัยทางการเงิน |
การประชาสัมพันธ์
สหกรณ์ต้องจัดให้มีการอธิบายข้อมูลรายละเอียดของบริการเงินกู้แก่สมาชิกและเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้สมาชิกรับทราบและเข้าใจได้ง่าย
โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการหรือมีเหตุอื่นทำให้ให้ไม่สามารถดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
ให้เปิดเผยข้อมูลนั้น ณ สำนักงานใหญ่ และสำนักงกงานสาขาของสหกรณ์นั้นทุกแห่ง
ข้อมูลรายละเอียดของบริการเงินให้กู้แก่สมาชิก ต้องมีการแสดงเงื่อนไข
สิทธิประโยชน์ และข้อควรระวังอย่างถูกต้อง ครบถ้วนและชัดเจน เพื่อการตัดสินใจของสมาชิกในการเลือกใช้บริการเงินให้กู้ของสหกรณ์แต่ละประเภท |
3.
กระบวนการขาย/การเสนอเพื่อให้บริการเงินให้กู้แก่สมาชิก |
ผู้ให้บริการต้องดูแลให้ลูกค้าได้รับข้อมูลสำคัญครบถ้วนไม่เกินจริง
ไม่บิดเบือนเพียงพอต่อการตัดสินใจด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง
รวมถึงได้รับการเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือความต้องการในการใช้เงินของลูกค้าและไม่ถูกกระตุ้นให้ก่อหนี้เกินควร |
การเสนอเพื่อให้บริการเงินให้กู้แก่สมาชิก
สหกรณ์ต้องดูแลให้สมาชิกได้รับข้อมูลสำคัญครบถ้วน ไม่เกินจริง ไม่บิดเบือน เพียงพอต่อการตัดสินใจด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง
รวมถึงได้รับการเสนอบริการเงินให้กู้แก่สมาชิกที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือความต้องการในการใช้เงินของสมาชิกและไม่ถูกกระตุ้นให้ก่อหนี้เกินควร |
4.
การพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ (Affordability) |
ผู้ให้บริการต้องประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า
โดยพิจารณาให้ครอบคลุมภาระหนี้ทั้งหมด
และคำนึงถึงเงินเหลือสุทธิหลังหักภาระผ่อนชำระหนี้ทั้งหมด (residual income) ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพของลูกค้า
อย่างเต็มที่เท่าที่ผู้ให้บริการสามารถทำได้ (best effort) |
การพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้
สหกรณ์ต้องประเมินความสามารถ ในการชำระหนี้ของสมาชิกผู้กู้
โดยพิจารณาให้ครอบคลุมภาระหนี้ทั้งหมด
และคำนึงถึงเงินเหลือสุทธิหลังจากหักชำระหนี้ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพของสมาชิกผู้กู้อย่างเต็มที่เท่าที่สหกรณ์สามารถทำได้
โดยการให้กู้แก่สมาชิกสหกรณ์ควรต้องพิจารณาจากหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1)
เป็นสมาชิกมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน (2)
ความสามารถในการชำระหนี้ของสมาชิกผู้กู้ (3)
พฤติกรรมทางการเงินของผู้กู้ เช่น ประวัติการชำระหนี้
ประวัติการผิดนัดชำระหนี้การถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นต้น
เพื่อให้สหกรณ์มีข้อมูลการเป็นหนี้ของสมาชิกผู้กู้อย่างครบถ้วน
สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างถูกต้อง
และให้สหกรณ์พิจารณาเข้าร่วมเป็นสมาชิกบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
หรือกรณีการให้กู้แก่สมาชิกที่รวมกันทุกสัญญาแล้วตั้งแต่ห้าแสนบาทขึ้นไป
สหกรณ์ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้สมาชิกผู้กู้ส่งข้อมูลเครดิตจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
จำกัด สำหรับประกอบการพิจารมา ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการให้กู้อย่างรับผิดชอบ (4)
การกำหนดจำนวนงวดชำระหนี้ของสมาชิกผู้กู้ที่มีอายุสัญญามากกว่า 3 ปี
ขึ้นไปควรกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ของสมาชิกผู้กู้แต่ละราย
โดยกำหนดชำระงวดสุดท้ายให้แล้วเสร็จ โดยที่สมาชิกผู้กู้ยังมีอายุไม่เกิน 75 ปี
เว้นแต่การกู้เงินนั้นเมื่อรวมทุกสัญญาแล้วมีจำนวนไม่เกินค่าหุ้นและเงินฝากที่สมาชิกผู้กู้มีอยู่กับสหกรณ์ (5)
เงินเหลือสุทธิหลังจากหักชำระหนี้ของสมาชิกผู้กู้
ควรมีเงินเหลือสุทธิเพียงพอต่อการดำรงชีพของสมาชิก
สำหรับสหกรณ์อออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ควรมีเงินเหลือสุทธิหลังหักชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ
30 ตลอดอายุสัญญา |
5. การส่งเสริมวินัยและการบริหารจัดการทางการเงินในระหว่างเป็นหนี้ |
ผู้ให้บริการต้องให้ข้อมูลและคำเตือนสำคัญที่ลูกหนี้ควรรู้
รวมถึงสร้างเครื่องมือช่วยสนับสนุนการกระตุกพฤติกรรมลูกหนี้ (nudge) เพื่อสนับสนุนให้ลูกหนี้มีวินัยทางการเงินที่ดีขึ้น และสามารถบริหารจัดการหนี้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง
(responsible borrowing) |
การส่งเสริมวินัยและการบริหารจัดการทางการเงินในระหว่างการเป็นหนี้
สหกรณ์ต้องให้ข้อมูลและคำเตือนสำคัญที่สมาชิกผู้กู้ควรรู้
รวมถึงสร้างเครื่องมือช่วยสนับสนุนการกระตุกพฤติกรรมสมาชิกผู้กู้เพื่อสนับสนุนให้สมาชิกผู้กู้มีวินัยทางการเงินที่ดีขึ้นและสามารถบริหารจัดการหนี้ให้เป็นประโยชน์กับตนเอง |
6.
การให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt: PD) |
ผู้ให้บริการต้องแจ้งข้อมูลสำคัญให้ลูกหนี้ตระหนักถึงผลเสียของการเป็นหนี้ที่เรื้อรัง
รวมทั้งมีแนวทางการให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นมาตรฐานเพื่อให้ลูกหนี้เห็นทางปิดจบหนี้ได้อย่างเหมาะสม |
การให้ความช่วยเหลือสมาชิกผู้กู้ที่มีปัญหาหนี้เรื้อรัง
สหกรณ์ต้องแจ้งข้อมูลสำคัญให้สมาชิกผู้กู้ตระหนักถึงผลเสียของการเป็นหนี้ที่เรื้อรัง
รวมทั้ง มีแนวทางการให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นมาตรฐานเพื่อให้สมาชิกผู้กู้เห็นทางหมดภาระหนี้สินได้ |
7. การให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้ |
ผู้ให้บริการต้องเสนอแนวทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้โดยเร็ว
ตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณว่าลูกหนี้กำลังประสบปัญหาชำระหนี้
ตลอดจนเมื่อเป็นหนี้เสียแล้ว โดยเฉพาะก่อนการดำเนินการตามกฎหมาย โอนขายหนี้
บอกเลิกสัญญา หรือยึดทรัพย์ |
การให้ความช่วยเหลือสมาชิกผู้กู้ที่มีปัญหาการชำระหนี้
สหกรณ์ต้องเสนอแนวทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้
ของสมาชิกผู้กู้โดยเร็ว ตั้งแต่เมื่อมีสัญญาณว่าสมาชิกผู้กู้กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้
ตลอดจนเมื่อเป็นหนี้เสียแล้ว ก่อนที่จะการดำเนินการตามกฎหมาย |
8.
การดำเนินการตามกฎหมายและการโอนขายลูกหนี้ไปยังเจ้าหนี้รายอื่น/การดำเนินการตามกฎหมายเมื่อสมาชิกผู้กู้ผิดชำระหนี้ |
ผู้ให้บริการต้องแจ้งให้ลูกหนี้ได้รับทราบสิทธิและข้อมูลที่สำคัญอย่างครบถ้วนเมื่อถูกดำเนินการตามกฎหมายในกรณีที่ลูกหนี้สอบถาม
ตลอดจนควรเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ได้ไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้
รวมถึงภายหลังจากการโอนขายหนี้ ลูกหนี้ได้รับเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ที่เหมาะสม |
การดำเนินการตามกฎหมายเมื่อสมาชิกผู้กู้ผิดชำระหนี้
สหกรณ์ต้องแจ้งให้สมาชิกผู้กู้ได้รับทราบสิทธิและข้อมูลที่สำคัญอย่างครบถ้วนเมื่อถูกดำเนินการตามกฎหมาย
ตลอดจนควรเปิดโอกาสให้สมาชิกผู้กู้ได้ไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้ |
ที่มา:
1.
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกช. 7/2566 เรื่อง
การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2566
2.
คำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่องหลักเกณฑ์การให้เงินกู้แก่สมาชิก อย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม
ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น