สหกรณ์คืออะไร
องค์การสัมพันธภาพสหกรณ์สากล (International
Cooperative Alliance: ICA) อธิบายไว้ว่า สหกรณ์เป็นสมาคมอิสระของบุคคลที่รวมกันด้วยความสมัครใจ
เพื่อตอบสนองความต้องการและแรงบันดาลใจทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมร่วมกันผ่านวิสาหกิจที่เป็นเจ้าของร่วมกันและควบคุมกันเองตามระบอบประชาธิปไตย
ด้วยค่านิยมของสหกรณ์ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าของการช่วยเหลือตนเอง
ความรับผิดชอบต่อตนเอง ประชาธิปไตย ความเสมอภาค ความเที่ยงธรรม
และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามประเพณีของผู้ก่อตั้ง
สมาชิกสหกรณ์เชื่อในคุณค่าทางจริยธรรมของความซื่อสัตย์ ความเปิดเผย
ความรับผิดชอบต่อสังคม และการเอื้ออาทรต่อผู้อื่น
ICA ยังอธิบายว่า สหกรณ์เป็นวิสาหกิจที่มีสมาชิกเป็นศูนย์กลาง
ซึ่งเป็นเจ้าของ ควบคุม และดำเนินการโดยสมาชิก เพื่อให้สมาชิกตระหนักถึงเป้าหมายทางเศรษฐกิจ
สังคม และวัฒนธรรม ร่วมกัน สหกรณ์นำผู้คนมารวมกันในวิถีทางประชาธิปไตยและเท่าเทียมกัน
สหกรณ์บริหารจัดการตามระบอบประชาธิปไตยโดยใช้หลักการ “หนึ่งคน
หนึ่งเสี่ยง” สมาชิกมีสิทธิออกเสียงเท่ากันโดยไม่คำนึงถึงจำนวนหุ้นที่สมาชิกถือไว้ในสหกรณ์
วิสาหกิจแบบสหกรณ์ขับเคลื่อนด้วยคุณค่าสหกรณ์
ไม่ใช่แค่เรื่องผลกำไร ความเป็นธรรม ความเสมอภาค
และความยุติธรรมทางสังคมเป็นหัวใจของสหกรณ์ สมาชิกร่วมกันกำหนดอนาคตทางเศรษฐกิจของพวกเขา
การถือหุ้นของสมาชิกไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของสหกรณ์อย่างเด่นชัด
แต่การร่วมกันดำเนินธุรกิจจนเกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการแสดงความเป็นเจ้าของสหกรณ์
ผลกำไรที่เกิดขึ้นจะถูกนำกลับไปลงทุนในสหกรณ์ และกลับคืนให้กับสมาชิกเพื่อเป็นสิ่งตอบแทน
NEBRASKA
COOPERATIVE DEVELOPMENT CENTER แห่ง UNIVERSITY of
NEBRASKA–LINCOLN ให้ความหมายว่า สหกรณ์คือสมาคมของบุคคล (องค์กร)
ที่ประชาชนเป็นเจ้าของและควบคุมเพื่อตอบสนองความต้องการและแรงบันดาลใจทางเศรษฐกิจ
สังคม และ/หรือวัฒนธรรมร่วมกันผ่านธุรกิจ (องค์กร)
ที่เป็นเจ้าของร่วมกันและควบคุมตามระบอบประชาธิปไตย คนของสหกรณ์คือผู้ใช้สินค้า
พัสดุ และ/หรือบริการของสหกรณ์ ผลกำไรมักจะถูกส่งคืนให้กับสมาชิกของสหกรณ์
อย่างไรก็ตาม สหกรณ์มักจะเน้นการบริการสำหรับสมาชิกมากกว่าการลงทุน
UNIVERSITY
of ALASKA ANCHORAGE อธิบายว่า สหกรณ์เป็นกิจการของสมาชิกผู้เป็นเจ้าของสหกรณ์
สหกรณ์ถูกควบคุมตามระบอบประชาธิปไตยโดยสมาชิก สหกรณ์ดำเนินธุรกิจโดยให้บริการแก่สมาชิกเท่านั้น
รายได้ที่สหกรณ์สร้างขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกร่วมกัน
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชปรารภการเกื้อหนุนประชาราษฎร์
ซึ่งประกอบกสิกรรมการค้าขาย ทรงพระราชดำริว่า
สหกรณ์คือสมาคมชนิดที่ราษฎรผู้ทำการเพาะปลูกแลหากินด้วยการทำของขายรวบรวมกันตั้งขึ้นเพื่อยังความจำเริญให้เกิดแก่หมู่ด้วยวิธีรวมกำลังกันทำการบำรุงตนเองแลประหยัดการใช้จ่ายแต่ที่พอควร
มิใช่ตั้งขึ้นเพื่อจะหากำไรมาจำแนกในหมู่สมาชิกนั้น (พ.ร.บ. สมาคมเพิ่มเติม พ.ศ.
2459)
อาบ นคะจัด (2536) อธิบายว่า
สหกรณ์คือองค์กรธุรกิจประเภทหนึ่งในระบบเศรษฐกิจการตลาดของประเทศไทย
มีลักษณะคล้ายกับหุ้นส่วนและบริษัท ตามมาตรา 1012 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
องค์การธุรกิจนิติบุคคลตามกฎหมายสหกรณ์ต่างจากองค์กรธุรกิจตาม ป.พ.พ.
ในเรื่องสำคัญคือ วัตถุประสงค์และหลักการขององค์การธุรกิจต่างกัน
และตั้งขึ้นตามกฎหมายที่ต่างกัน สหกรณ์มีวัตถุประสงค์
“เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” ส่วนวัตถุประสงค์ของหุ้นส่วนและบริษัทคือ
“ประสงค์จะแบ่งกำไรอันพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น”
แม้กฎหมายสหกรณ์จะกำหนดเรื่องการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีของสหกรณ์
แต่คำว่ากำไรสุทธิที่บัญญัตินั้นเป็นเพียงคำศัพท์ทางการบัญชี ไม่ใช่กำไรตาม ป.พ.พ.
มาตรา 1012 เพราะในสหกรณ์เจ้าของและลูกค้าคือบุคคลคนเดียวกัน
ราคาสินค้าและบริการที่สหกรณ์กำหนดขึ้น
คือค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่สหกรณ์เรียกจากสมาชิก เมื่อสิ้นปีการบัญชี
หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว มีเงินเหลือจ่ายสุทธิ (กำไรสุทธิ) เท่าใด จึงต้องจัดสรรตามกฎหมายสหกรณ์
นุกูล กรยืนยงค์ (2554) อธิบายว่า
สหกรณ์มีความแตกต่างจากธุรกิจอื่นตรงที่การรวมตัวกันของประชาชนเพื่อ ก่อตั้งสหกรณ์
และนำเงินมาลงทุนร่วมกันนั้น มิใช่เพื่อทำการค้ากับบุคคลอื่น
หากแต่เป็นเพราะต้องการใช้สินค้าหรือบริการนั้นสำหรับตนเองเป็นประการสำคัญ
มุ่งให้บริการแก่สมาชิกเป็นหลัก เป็นการสร้างประโยชน์ขึ้นแก่ตนเอง
บริการตนเองโดยการร่วมกันทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่
มิใช่เป็นการเรียกร้องจากผู้อื่น
สหกรณ์ผู้บริโภคไม่จำเป็นที่จะต้องแสวงหาผลกำไรจากการทำธุรกิจ
เนื่องจากทั้งเจ้าของและผู้ใช้บริการ (ลูกค้า) เป็นคนเดียวกัน
หรือในกรณีที่เป็นสหกรณ์ที่ตั้งขึ้นเพื่อการผลิตโดยมีสมาชิกเป็นเจ้าของและผู้ใช้แรงงาน
ก็ย่อมไม่มีความจำเป็นที่เจ้าของจะเอาเปรียบผู้ใช้แรงงานเพราะเป็นคนเดียวกัน
ไม่ว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะตกแก่เจ้าของ หรือแรงงาน ก็ย่อมเป็นของคนเดียวกันทั้งหมด
จากความหมายและคำอธิบายเกี่ยวกับสหกรณ์
สรุปได้ว่า สหกรณ์ไม่ใช่วิสาหกิจแสวงหากำไรสูงสุดแบบองค์กรที่ดําเนินกิจกรรมเพื่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน ที่มุ่งผลกำไรสูงสุดเพื่อความมั่งคั่ง แต่สหกรณ์เป็นรูปแบบการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของผู้คนที่มารวมตัวกันเป็นองค์กรธุรกิจ
โดยผู้คนที่มารวมตัวกันเป็นสหกรณ์นั้น เป็นผู้ที่มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม มีความต้องการเหมือนกัน
คล้ายกัน มีความเชื่อร่วมกันเกี่ยวกับการพึ่งพาช่วยเหลือตนเองและระหว่างกัน
มุ่งใช้การสหกรณ์ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจในสังคม
ให้ความสำคัญของพลังการรวมคนมากกว่าพลังการรวมเงินหรือทรัพย์สิน
เน้นการดำเนินธุรกิจระหว่างกันเองของสมาชิก
ด้วยสหกรณ์เป็นวิสาหกิจไม่แสวงหากำไร จึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร
(ม. 39 ประกอบกับมาตรา 69 ทวิ) เพราะสหกรณ์ดำเนินธุรกิจระหว่างสมาชิกด้วยกันเองภายในสหกรณ์
ตามหลักการสหกรณ์ หลักการที่ 3 ที่กำหนดว่า “การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจไตยของสมาชิก
(Member Economic Participation) มวลสมาชิกพึงร่วมทุนกับสหกรณ์ของตนอย่างเท่าเทียมกัน
และควบคุมการใช้เงินทุนตามวิถีประชาธิปไตย
โดยปกติอย่างน้อยส่วนหนึ่งของทุนต้องมีทรัพย์สินส่วนรวมของสหกรณ์
และสมาชิกพึงได้รับผลตอบแทนจากเงินทุน (ถ้ามี) อย่างจํากัด
ภายใต้เงื่อนไขของความเป็นสมาชิก เหล่าสมาชิก
จะจัดสรรเงินส่วนเกินเพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่างหรือทั้งหมดดังต่อไปนี้ คือ
เพื่อพัฒนาสหกรณ์ของตนโดยอาจจัดเป็นกองทุนสํารองซึ่งอย่างน้อยส่วนหนึ่งจะไม่นํามาแบ่งปันกัน
เพื่อจัดสรรผลประโยชน์ให้สมาชิกตามส่วนธุรกรรมที่ตนทํากับสหกรณ์
เพื่อสนับสนุนกิจกรรมอื่น ๆ ที่มวลสมาชิกเห็นชอบ”
เจตนารมณ์การจัดสรรกำไรในสหกรณ์
ปรีชา สุวรรณทัต และทรงพล พนาวงศ์ (2555)
อธิบายเรื่องการกำไรและการจัดสรรกำไรในสหกรณ์ ซึ่งการอธิบายดังกล่าวเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่สำคัญของกฎหมายสหกรณ์
มาตราที่ว่าด้วยการจัดสรรกำไรของสหกรณ์ โดยอธิบายว่า การจัดสรรกําไรสุทธิตามหลักการของการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจโดยสมาชิก
จะต้องคํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและด้วยความเป็นธรรมในหมู่สมาชิก เพราะสหกรณ์นั้นตั้งขึ้นเพื่อมุ่งหวังที่จะร่วมมือกันในการช่วยแก้ไขปัญหาในด้านเศรษฐกิจ
มิได้มุ่งดําเนินการเพื่อแสวงหากําไรมาแบ่งปันกัน ดังนั้น ตามหลักการสหกรณ์จึงกําหนดแนวทางการจัดสรรกําไรหรือเงินส่วนเกิน
เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทุกอย่าง ดังนี้คือ
1)
เพื่อการพัฒนาสหกรณ์โดยอาจกันเงินเป็นเงินสํารอง ซึ่งอย่างน้อยจะต้องมีส่วนหนึ่งที่นํามาแบ่งปันกันไม่ได้
2)
เพื่อตอบแทนแก่สมาชิกตามสัดส่วนของปริมาณธุรกิจที่สมาชิกได้ทํากับสหกรณ์
3) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ที่มวลสมาชิกเห็นชอบ
ปรีชา สุวรรณทัต และทรงพล พนาวงศ์
ยังอธิบายเรื่องการจัดสรรกำไรสุทธิเป็นเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืน ว่าจัดสรรเป็นเงินปันผลตามหุ้นของสมาชิกที่ชําระแล้ว
เพื่อเป็นการตอบแทนสมาชิกที่ลงทุนถือหุ้นในสหกรณ์
แต่โดยเหตุที่ตามหลักสหกรณ์ไม่มีจุดมุ่งหมายให้สมาชิกมาแสวงหากําไรจากการนําเงินมาลงทุนในสหกรณ์เหมือนกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
ดังนั้น หลักสหกรณ์ โดยทั่วไปจะจํากัดดอกเบี้ยที่ให้กับทุนเรือนหุ้น
ซึ่งโดยปกติสหกรณ์ควรจ่ายเงินปันผลตามหุ้นให้แก่
สมาชิกในอัตราไม่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์
สําหรับกฎหมายสหกรณ์กําหนดให้สหกรณ์จ่ายเงินปันผลตามหุ้นไม่เกินอัตราที่กําหนดในกฎกระทรวงสําหรับสหกรณ์แต่ละประเภท
ซึ่งปัจจุบันกำหมายกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละสิบต่อปี
ทั้งนี้การคำนวณเงินปันผลต้องคิดตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นของสมาชิกแต่ละคนด้วยจึงจะเกิดความเป็นธรรมสูงสุด
ส่วนจัดสรรเป็นเงินเฉลี่ยคืนให้แก่สมาชิกตามส่วนธุรกิจที่สมาชิกได้ทําไว้กับสหกรณ์ในระหว่างปี
เพื่อเป็นการจัดสรรรายได้สุทธิ (กําไร) โดยคํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและความเป็นธรรมในหมู่สมาชิก
เพราะสมาชิกทําธุรกิจกับสหกรณ์ จึงทําให้เกิดกําไรหรือเงินส่วนเกินขึ้น ดังนั้น
การแบ่งกําไรของสหกรณ์จึงเท่ากับการจ่ายคืนส่วนที่สหกรณ์รับเกินให้สมาชิกในรูปการจ่ายเงินคืนตามส่วนปริมาณธุรกิจที่สมาชิกทําไว้กับสหกรณ์
อนึ่ง หากสหกรณ์มีกำไรกฎหมายกำหนดให้
(บังคับ) สหกรณ์ต้องจัดสรรเป็นทุนสำรองไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของกำไรสุทธิ
และเป็นค่าบำรุงสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
แต่ต้องไม่เกินร้อยละห้าของกำไรสุทธิ ปัจจุบันกฎกระทรวงกำหนดอัตราไม่เกินร้อยละหนึ่งของกำไรสุทธิ
แตไม่เกินสามหมื่นบาท
สรุป
ระบบเศรษฐกิจแบบสหกรณ์
มีแนวทางชัดเจนในการลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากการสะสมกำไรส่วนเกินที่มาจากการสร้างกำไรจากการลดต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะด้านแรงงาน
ด้านการแย่งชิงเอาทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นปัจจัยการผลิตให้ได้มากที่สุด
ตลอดจนด้านการขายสินค้าและบริการให้ได้มากที่สุด
ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าระบบเศรษฐกิจแบบสหกรณ์มุ่งแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
นอกจากสหกรณ์มุ่งลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากการสะสมกำไรส่วนเกินดังกล่าวแล้ว
ยังหนุนเสริมความเท่าเทียม ความเป็นธรรมทางด้านเศรษฐกิจ
โดยไม่ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของสมาชิกในด้านความสัมพันธ์ทางการผลิต
กล่าวคือปัจจัยการผลิตทั้งหมด เช่น เครื่องจักร ป่าไม้ ที่ดิน
ทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ฯลฯ ของบรรดาสมาชิก ยังคงเป็นกรรมสิทธิของสมาชิก
ขณะเดียวกันปัจจัยการผลิตทั้งหมด เช่น เครื่องจักร ป่าไม้ ที่ดิน
ทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ของสหกรณ์ก็นับว่าเป็นของสมาชิก
โดยสมาชิกทั้งหมดร่วมกันเป็นเจ้าของ
สมาชิกทั้งหมดมีอำนาจในการบริหารจัดการบรรดาปัจจัยการผลิตต่าง ๆ
ตลอดจนบริหารกำไรส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานและดำเนินธุรกิจของสหกรณ์
กำไรส่วนเกินที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ ส่วนหนึ่งนำกลับเข้าสู่สหกรณ์ในลักษณะเป็นทุนสำรองเพื่อความมั่นคงของสหกรณ์ ส่วนที่เหลือใช้แบ่งปันกันอย่างเป็นธรรมเท่าเทียมตามสัดส่วนที่สมาชิกแต่ละคนดำเนินธุรกิจกับสหกรณ์ เป็นค่าตอบแทนการถือหุ้นของสมาชิกที่ช่วยให้สหกรณ์มีทุนดำเนินงานภายในของตนเอง และอีกส่วนหนึ่งจัดสรรเป็นทุนสะสมต่าง ๆ เพื่อใช้สำหรับการช่วยแก้ไขปัญหาสังคมให้แก่สมาชิก และสังคมภายนอก เจตนารมณ์การจัดสรรกำไรในสหกรณ์จึงไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้น แต่เป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ตามอุดมการณ์สหกรณ์ที่เชื่อว่า “การช่วยตนเองและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามหลักการสหกรณ์จะนำไปสู่การกินดี อยู่ดี มีความเป็นธรรม และสันติสุขในสังคม”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น