แนวคิดพื้นฐาน
คำว่า “การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชน” มีคำสำคัญ 3 คำ คือคำว่า “การพัฒนา” คำว่า “ทรัพยากรมนุษย์” และคำว่า “ชุมชน” โดยคำทั้งสามครอบคลุมใน 3 มิติ คือ มิติการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับปัจเจก การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับองค์กร และการพัฒนาชุมชน ซึ่งมีแนวคิดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคำสำคัญดังกล่าวโดยสังเขปดังนี้
แนวคิดเรื่องการการพัฒนา
การพัฒนา (Development) เป็นประดิษฐกรรมทางประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ที่ได้รับความนิยมกันอย่างรวดเร็วและแพร่หลายในสังคมยุคปัจจุบัน การพัฒนาถูกสร้างขึ้นมาโดยประเทศมหาอำนาจตะวันตกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ความหมายของการพัฒนาค่อนข้างมีความเป็นพลวัตรมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ในยุคเริ่มแรกของการพัฒนานั้น การพัฒนาหมายถึงการทำให้ทันสมัยอย่างสังคมตะวันตกโดยให้น้ำหนักไปที่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาอุตสาหกรรม และการพัฒนาการเมือง ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ทฤษฎีการทำให้ทันสมัย” (Modernization Theory) เมื่อเวลาผ่านมาจนผลของการพัฒนาได้ปรากฏให้ผู้คนในสังคมได้เห็นชัดว่าการพัฒนาได้ก่อให้เกิดปัญหาความไม่เทียมกันในสังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ผู้คนในสังคมจำนวนมากยากจนลง แต่ผู้คนจำนวนน้อยเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากการพัฒนา จนมีที่มาของคำว่า “ด้อยพัฒนา” จึงทำให้เริ่มมีผู้คนในแวดวงการพัฒนาเริ่มออกมาต่อต้านแนวคิดการพัฒนาตามแบบของทฤษฎีความทันสมัย ก่อให้เกิดการต่อสู้กันทั้งทางแนวคิด ทฤษฎี และวาทกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนามากมายในปัจจุบัน เช่น การก่อเกิดของทฤษฎีพึ่งพิง (Dependency Theory) ทฤษฎีระบบโลก (World System Theory) และแนวความคิดว่าด้วยความด้อยพัฒนาแนวมาร์กซิสต์ใหม่ (Neo-Marxist) ทั้งหลายเป็นต้น (ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร, 2549: 17-18)
แนวคิดเรื่องทรัพยากรมนุษย์
แนวคิดด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชื่อว่า
มนุษย์เป็นทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
จัดอยู่ในทรัพยากรประเภทเกิดขึ้นและทดแทนใหม่ได้
สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติได้เช่นเดียวกับทรัพยากรอื่นๆ
กำลังงานมนุษย์แบ่งออกได้เป็นสองทางคือ กำลังทางด้านร่างกาย และกำลังทางจิต โดยกำลังทางกายและกำลังทางจิตสามารถพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ
หรือถูกลดทอนทำลายให้กลายเป็นกำลังที่ขาดประสิทธิภาพได้ (นิวัติ เรื่องพานิช, 2542:
287-289)
ในมิติด้านชุมชนเชื่อว่า
มนุษย์คือมนุษย์ มนุษย์เป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์มีความคิด มีจิตใจ
มนุษย์มีเหตุผลมีวิจารณญาณ มนุษย์สามารถตัดสินใจเองได้
มนุษย์เรียนรู้สิ่งต่างๆได้ทั้งทางนามธรรมและรูปธรรม
มนุษย์สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองได้ตามความคิดของตน มนุษย์สามารถสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของตนให้เหมาะสม
และสอดคล้องกับชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ (นิรันดร์
จงวุฒิเวศย์,
2550: 33)
ในมิติทางด้านเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า
มนุษย์ที่มีคุณภาพ เป็นประโยชน์ และเป็นบ่อเกิดแห่งทรัพย์และความมั่งคั่งของประเทศชาติ
(บุญคง หันจางสิทธิ์,
2549: 2) ทรัพยากรมนุษย์ในทางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญได้แก่
แรงงาน และ ผู้ประกอบการ โดยแรงงาน
หรือทรัพยากรมนุษย์ (Human Research) หรือทุนมนุษย์ (Human
Capital) ได้แก่ แรงกาย แรงใจ ตลอดจนสติปัญญา ความรู้ และความคิด
ที่มนุษย์ทุ่มเทให้แก่การผลิตสินค้าและบริการ โดยทั่วไปแบ่งแรงงานเป็น 3 ประเภท
คือ 1) แรงงานฝีมือ 2) แรงงานกึ่งฝีมือ และ 3) แรงงานไร้ฝีมือ
ผลตอบแทนของแรงงานเรียกว่าค่าจ้างและเงินเดือน (Wage and Salary) ผู้ประกอบการ (Entrepreneur) คือผู้ทำหน้าที่รวบรวมปัจจัยการผลิต
3 ประเภท คือ ที่ดิน แรงงาน และทุน เพื่อทำการผลิตสินค้าและบริการ
ค่าตอบแทนของผู้ประกอบการเรียกว่ากำไร (Profit) (วันรักษ์
มิ่งมณีนาคิน, 2539: 3)
แนวคิดเรื่องชุมชน
นักสังคมวิทยา (Olsen, 1968: 91) ได้นิยามความหมายของชุมชนว่า หมายถึงองค์กรทางสังคม ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของสมาชิก แต่ยังสามารถช่วยให้สมาชิกสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆที่มีอยู่ร่วมกันได้ โดยทั่วไปชุมชนจะประกอบด้วยครอบครัวหลายครอบครัวมารวมกัน ด้วยความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพากันในด้านต่างๆ เช่น การทำมาหากิน การดูแลรักษาโรค สันทนาการ พิธีกรรมความเชื่อ อย่างไรก็ตามอาจมีชุมชนของเผ่าบางแห่ง ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกที่มาจากครอบครัวขยายหรือวงศ์วานเดียวกันเท่านั้น (อ้างใน นภาภรณ์ หะวานนท์, เพ็ญสิริ จีระเดชากุล และ สุรวุฒิ ปัดไธสง, 2550: 34)
แนวคิดเรื่ององค์กร
ในสังคมขนาดใหญ่
มักมีความซับซ้อนในการจัดระเบียบ
มีความหลากหลายทั้งในแง่วิธีการและการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคม
การที่บุคคลแต่ละกลุ่มมีเป้าหมาย มีความต้องการที่แตกต่างกัน
สังคมจึงจำเป็นต้องมีการจัดองค์กร (Organizations) เพื่อทำหน้าที่เฉพาะอย่างโดยยึดหลักที่เป็นสากล
เพื่อให้สามารถสนองประโยชน์แก่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งองค์กรในสังคมประกอบด้วย
องค์กรแบบราชการ และองค์กรสมัครใจ
องค์กรแบบราชการ
เป็นองค์กรที่เป็นทางการ มีความหมายกว้างกว่าหน่วยราชการ ได้แก่กระทรวง กรม
กองต่างๆ ที่เป็นของรัฐ รวมถึงบริษัท ห้างร้าน ธนาคาร รัฐวิสาหกิจ ฯลฯ
มีลักษณะการบริหารหรือการจัดองค์กร โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน
มีการจัดขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามส่วนสายบังคับบัญชา
มีกฎระเบียบที่จะต้องยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ มีสิทธิอำนาจตามข้อกฎหมาย
มีความชำนาญเฉพาะทางทางด้านอาชีพ และมีอำนาจในการตัดสินใจ
องค์กรที่มีลักษณะเป็นสมาคมสมัครใจ มีทั้งกลุ่มที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสมาคมอาจยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์มีลักษณะที่สำคัญคือ สนองความต้องการหรือผลประโยชน์ส่วนบุคคล หรือของกลุ่มที่มีความสนใจร่วมกัน (ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2544: 89-91)
แนวคิดที่เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ครอบคลุมใน 3 มิติ คือ 1) มนุษย์ในฐานะปัจเจกชน 2) มนุษย์ในฐานะที่เป็นสมาชิกของชุมชน และ 3) มนุษย์ในฐานะที่เป็นทรัพยากรขององค์กร โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
แนวคิดเรื่องการพัฒนามนุษย์ในระดับปัจเจก
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หมายถึงกระบวนการส่งเสริมการพัฒนาทั้งกำลังทางกายและกำลังทางจิตของมนุษย์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพ โดยจะต้องพัฒนามนุษย์ให้มีความเป็นอยู่ดี มีการศึกษา มีอนามัยที่ดี มีความรู้ ความชำนาญ และได้รับการพัฒนาทางด้านคุณธรรมจริยธรรมควบคู่กันไป (นิวัติ เรื่องพานิช, 2542: 287-289) โดยวิธีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเรียน การอบรม การฝึกหัด และการฝึกปฏิบัติ เป็นต้น (ภัทรธิรา ผลงาม, 2548: 13)
แนวคิดเรื่องการพัฒนาชุมชน
การพัฒนาชุมชนหมายถึง กระบวนการทำงานอย่างหนึ่ง และเป็นกลยุทธ์ กลยุทธ์หนึ่ง ซึ่งมีจุดหมายปลายทางสูงสุดอยู่ที่การพัฒนาคนให้มีทั้งคุณภาพและคุณธรรม (วิรัช เตียงหงษากุล, 2529: 3) การพัฒนาชุมชน (Community Development) มีที่มาจากคำว่า “การศึกษามวลชน” (Mass Education) เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ.1948 อันเป็นผลมาจากรายงานเกี่ยวกับการศึกษามวลชนในสังคมแอฟริกัน (Mass Education in African Society) รายงานฉบับนี้เสนอแนะให้รัฐบาลอังกฤษกำหนดนโยบายการปกครองอาณานิคมในทวีปแอฟริกา ด้วยการเปิดโอกาสให้ประชาชนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน ร่วมควบคุมการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของตนเอง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 องค์การสหประชาชาตินำวิธีการพัฒนาชุมชนไปใช้แก้ไขปัญหาต่างๆ ทำให้การพัฒนาชุมชนมีความเป็นสากล โดยองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้ปี ค.ศ.1960-1969 เป็นทศวรรษแห่งการพัฒนา และกำหนดให้ปี ค.ศ.1970-1979 เป็นทศวรรษที่ 2 แห่งการพัฒนา ปรัชญาของการพัฒนาชุมชนมาจากหลักการเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความแตกต่างกันทั้งรูปร่าง มันสมอง และจิตใจ มนุษย์จึงไม่มีความเท่าเทียมกัน แต่โดยข้อเท็จจริงมนุษย์ทุกคนมีสิทธิและความเสมอภาคในการมีโอกาสที่จะกระทำสิ่งต่างๆ สิทธิและโอกาสที่จะก้าวหน้า ปรัชญาของการพัฒนาชุมชนเกิดจากการผสมผสานหลักการเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์เข้ากับความหมายของการพัฒนาชุมชนที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพและโอกาสในการประสบผลสำเร็จในชีวิตของคน (สนธยา พลศรี, 2547: 41-43)
แนวคิดเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือ กระบวนการที่พนักงานขององค์กรได้รับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องในแนวทางที่ได้วางแผนให้ได้มาซึ่งความสามารถ หรือทำให้ความสามารถแหลมคมขึ้นซึ่งจำเป็นต่อการทำหน้าที่ต่างๆที่สัมพันธ์กับบทบาทที่คาดหวังในปัจจุบันและอนาคต เพื่อพัฒนาความสามารถทั่วไปในฐานะปัจเจกบุคคลเพื่อที่เขาจะได้สามารถค้นพบและสำรวจศักยภาพภายในของเขา และวัตถุประสงค์ของการพัฒนาองค์การ วัฒนธรรมองค์การที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับผู้บังคับบัญชา ทีมงาน และความร่วมมือของหน่วยย่อยต่างๆ ให้มีความเข้มแข็งทำประโยชน์ให้กับองค์กร เกิดพลัง และความภาคภูมิใจของพนักงาน (ที วี ราว อ้างใน ชาญชัย อาจินสมาจาร, 2550: 28)
ความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชนกับมิติด้านการศึกษา สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม และจริยธรรม
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชนเป็นแนวคิดการพัฒนาที่มีลักษณะเป็นสหวิทยาการ กล่าวคือ เป็นการพัฒนาที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับมิติต่างๆทางด้านการศึกษา สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม และจริยธรรม เนื่องจากมนุษย์เป็นทั้งผู้สร้างและผู้ใช้องค์ประกอบต่างๆเหล่านั้นเพื่อการดำเนินชีวิตในสังคม ซึ่งมีรายละเอียดของความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงต่างๆดังนี้
1) การศึกษา
การศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้เพราะการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเสริมสร้างความรู้ความสามารถให้แก่ทรัพยากรมนุษย์ โดยที่สามารถจัดการศึกษาทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัยในประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลาย ใช้การศึกษาเป็นพื้นฐานของการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน และการให้การศึกษาจะเป็นหนทางที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ของสังคมและประเทศอย่างได้ผล การศึกษาจะช่วยสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศ ดังนั้นเป้าหมายของทุก ๆ ประเทศจึงมุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยใช้กระบวนการทางการศึกษาเป็นสำคัญ การลงทุนทางการศึกษาจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลในทุก ๆ ประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก (ภัทรธิรา ผลงาม, 2548: 20)
2) สังคมและวัฒนธรรม
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทัศนะทางสังคมวิทยานั้นมีมิติการพัฒนาที่แตกต่างกัน
ทั้ง
ในระดับบุคคลและสังคม โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ตามสภาพประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรมของสังคม เพื่อให้สมาชิกของสังคมสามารถอยู่รอด ภายใต้การควบคุมทางสังคมอย่างเหมาะสม (ภัทรธิรา ผลงาม, 2548: 15)
3) เศรษฐกิจ
ในทางเศรษฐศาสตร์มักจะให้ความสำคัญกับระบบการผลิต โดยพยายามให้เกิดผลผลิตสูงมากที่สุด ในกระบวนการผลิตนั้น ประกอบด้วยปัจจัยที่สำคัญ 3 ประการ คือที่ดิน (Land) แรงงาน (Labour) และ ทุน (Capital) ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ต่างยอมรับว่าแรงงานเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ เป็นหนทางนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของชาติ แรงงานนั้นจะต้องเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ มีทักษะและความชำนาญในการทำงานมี ความสามารถในการนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน โดยมีที่ดินและทุน เป็นปัจจัย สนับสนุนให้การผลิตนั้นประสบผลสำเร็จมากขึ้น (ภัทรธิรา ผลงาม, 2548: 53) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในมิติทางเศรษฐศาสตร์ จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคนเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการผลิตสินค้าและบริการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามความต้องการของผู้ประกอบการ และตลาดซึ่งเป็นปัจจัยกำหนดความต้องการในระดับสูงสุด
4) การเมือง
ในทางรัฐศาสตร์นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง การปกครอง ซึ่งเป็นหัวใจที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้เพราะการเมือง การปกครอง เป็นตัวจักรที่สำคัญในการบริหารประเทศ โดยเกี่ยวข้องกับการกำหนด กฎเกณฑ์ นโยบาย หลักการต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารและพัฒนาประเทศ สาขารัฐศาสตร์ให้ความสำคัญกับมนุษย์ในฐานะที่มนุษย์ต้องเกี่ยวข้องกับการเมืองตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเมือง การปกครองได้แนวคิดทฤษฎีทางรัฐศาสตร์มีหลายทฤษฎี เช่น ทฤษฎีการเมือง คลาสสิค ทฤษฎีการเมืองปัจจุบัน ทฤษฎีประชาธิปไตยสมัยปัจจุบัน ทฤษฎีองค์การและการตัดสินใจ ทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์ในองค์การ และทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นต้น ในแต่ละทฤษฏีดังกล่าวข้างต้นต่างมุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยการพัฒนาความรู้ความเข้าใจให้ทุกคนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยมุ่งเน้นให้เข้าใจในสิทธิของตนเองต่อการปกครอง (ภัทรธิรา ผลงาม, 2548: 14)
5) สิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกกำหนดมาจากสภาพภูมิศาสตร์
ซึ่งในแต่ละพื้นที่ที่มีสภาพทางภูมิศาสตร์แตกต่างกัน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็จะแตกต่างกันด้วย
มนุษย์เป็นผู้ที่อาศัยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินชีวิตในแทบจะทุกด้าน
และจะขาดแคลนสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เลย เช่น อากาศ น้ำ แสงอาทิตย์ ป่าไม้ แผ่นดิน
เป็นต้น พฤติกรรมความเชื่อของมนุษย์จึงมักถูกกำหนดด้วยปัจจัยด้านภูมิศาสตร์
ให้มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น วิถีชีวิตของชาวเขาที่อาศัยอยู่บนดอย
มักจะแตกต่างจากการดำรงชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในที่ราบลุ่ม เป็นต้น
และเมื่อจำนวนมนุษย์เพิ่มมากขึ้นดังเช่นในปัจจุบัน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยิ่งมีความสำคัญต่อมนุษย์มากขึ้น
เพราะความต้องการใช้ของมนุษย์มากขึ้น แต่ทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด
ความสัมพันธ์ระหว่างทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับทรัพยากรมนุษย์จึงมีความสำคัญมากในปัจจุบัน
โดยมนุษย์ในฐานะผู้บริโภคจะบริหารจัดการอย่างไรให้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด
สามารถตอบสนองความต้องการใช้ของมนุษย์ต่อไปได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
รวมถึงให้มีพอใช้ไปจนถึงคนรุ่นต่อไปด้วย
แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์เกิดความตระหนักในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยยึดแนวทางและวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้แก่ การถนอมรักษา การฟื้นฟู การลดปริมาณของเสีย การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน การสงวนและนำสิ่งอื่นมาใช้ทดแทน การสำรวจทรัพยากร และการประดิษฐ์ของเทียมขึ้นใช้ (ศศินา ภารา, 2550: 284-285)
6) จริยธรรม
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีสัญชาติญาณต้องการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม การที่มนุษย์ที่มีความแตกต่างกันมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เป็นชุมชน หรือสังคม จะต้องมีกฎเกณฑ์ที่ทุกคนยอมรับร่วมกันเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ซึ่งเนื้อหาของกฎเกณฑ์ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการปฏิบัติต่อกันของผู้คน หลักจริยธรรมถือเป็นกฎเกณฑ์หนึ่งที่สำคัญในการหล่อหลอมให้มนุษย์เชื่อและปฏิบัติตาม ซึ่งหลักจริยธรรมส่วนใหญ่มีที่มาจากศาสนา โดยทุกศาสนาต่างมีปรัชญาแนวคิดต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ แตกต่างกัน เช่น ศาสนาพุทธเชื่อว่า มนุษย์ต้องการแสวงหาหนทางที่หลุดพ้นและความสงบสุขทางด้านอารมณ์และจิตใจการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามแนวพุทธศาสตร์นั้นเน้นในเรื่องการพัฒนาอารมณ์ จิตใจ คุณธรรม จริยธรรม ให้อยู่ในสังคมไว้อย่างมีความสุข มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อไปเพื่อให้สังคมน่าอยู่ สงบสุข (ภัทรธิรา ผลงาม, 2548: 14)
จากความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชนกับมิติด้านการศึกษา สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อมและจริยธรรมดังที่กล่าวมา จะเห็นว่าแนวคิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบริบทต่างๆดังกล่าวอย่างมาก และมีอิทธิพลต่อกันซึ่งสามารถสรุปความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างกันได้ดังแผนภาพที่ 1.จากแผนภาพที่
1. แสดงกรอบแนวคิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชน ซึ่งวิเคราะห์โดยใช้ทฤษฎีวัตถุนิยมแบบประวัติศาสตร์
(Historical
Materialism) ของ คาร์ล มาร์ก เป็นแนวทาง ซึ่งในการพิจารณาประวัติศาสตร์จะต้องแยกออกเป็น
3 ส่วนคือ
1) พลังการผลิต (Productive
Forces) คือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เป็นวิธีการที่มนุษย์ขัดแย้งเอาชนะธรรมชาติเรียกว่า
วิธีการผลิตหรือเทคโนโลยี
2) ความสัมพันธ์ในการผลิต (Relations of
Production) คือโครงสร้างเศรษฐกิจหรือระบบกรรมสิทธิ์
ซึ่งกำหนดว่าใครเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต
กรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตนี้จะกำหนดต่อไปว่า
ใครจะได้ส่วนเกินที่เหลือจากการบริโภค
3) โครงสร้างส่วนบน (Superstructure) คือระบบกฎหมาย ระบบการเมือง วัฒนธรรม และระบบความคิด (ฉัตรทิพย์ นาถสุภา,
2546: 153)
จากแผนภาพจะเห็นว่าทรัพยากรมนุษย์ในฐานะพลังการผลิตของสังคม
อาศัยอยู่รวมกันเป็นชุมชน หลายๆชุมชนรวมเป็นสังคม และภายในสังคมมีการแบ่งงานกันทำ
โดยจัดตั้งเป็นองค์กรต่างๆ โดยใช้ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการผลิตสินค้าและบริการ
มีการพัฒนาพลังการผลิตของตนเอง (การศึกษา การอบรม เทคโนโลยี) เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนและสังคมได้
ในด้านความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต มีการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่อกัน
และมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เกิดวัฒนธรรมชุมชนในชุมชน และวัฒนธรรมองค์กรภายในองค์กร
และก่อให้เกิดระบบความสัมพันธ์ทางการผลิต (ระบบเศรษฐกิจ) ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ทางการผลิตที่เกิดขึ้นก็จะกำหนดวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม
จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ดังกล่าว ซึ่งอาจจะถูกกำหนดมาจากพลังการผลิต
หรือโครงสร้างส่วนบนผ่านนโยบายของรัฐ
ซึ่งโครงสร้างส่วนบนก็ถูกกำหนดมาจากการมีส่วนร่วมทางการเมืองของพลังการผลิตทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม
(การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย)
ในระบบความสัมพันธ์ดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นมาจากความต้องการของมนุษย์ ที่เป็นพลังการผลิตพื้นฐานของชุมชนและสังคม ความสัมพันธ์ทางการผลิต ตลอดจนนโยบายของรัฐ จะต้องสอดคล้องอยู่บนพื้นฐานของทรัพยากรมนุษย์ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เป็นพลังการผลิต สังคมโดยรวมจึงจะเกิดความสมดุลและสงบสุข แต่หากการพัฒนาไม่มีความสมดุลจนส่งผลให้พลังการผลิตเปลี่ยน จะทำให้ความสัมพันธ์ในการผลิตและระบบกรรมสิทธิ์เปลี่ยน จะเกิดการขัดแย้งกับโครงสร้างส่วนบนซึ่งพยายามรักษาสถานะเดิมไว้ ทำให้เกิดการปฏิวัติสังคม และโครงสร้างส่วนบนจะต้องเปลี่ยนจนสอดคล้องกับพลังการผลิตในที่สุด
แนวทางและเป้าหมายของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชน
แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชนจะต้องมีความสอดคล้องกับสภาพภูมิ-สังคมของแต่ละพื้นที่ คำนึงถึงฐานทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายของคน ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม การเคารพในสิทธิมนุษยชน และหลักประชาธิปไตย โดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการพัฒนา เช่น การศึกษา การฝึกอบรม การสนับสนุนด้านงบประมาณ การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างชุมชน ระหว่างองค์กร การถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ เป็นต้น โดยเป้าหมายของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชน คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่ละดับบุคคล องค์กร และชุมชน เพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์ในระดับต่างๆ เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า มีศักยภาพในการผลิตเพื่อการบริโภคของตนเอง และทำประโยชน์ให้กับองค์กรและชุมชน เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีจริยธรรมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สังคมโดยรวมเกิดความเจริญงอกงาม มีความมั่นคง และผาสุก ตลอดไปอย่างยั่งยืน
สรุป
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชน
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ และบริบทต่างๆที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับมนุษย์ ซึ่งได้แก่บริบททางด้านการศึกษา
สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม และจริยธรรม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มนุษย์มีศักยภาพในการดำเนินวิถีชีวิตไปตามสภาพแวดล้อมและสังคมอย่างเหมาะสม
โดยใช้วิธีการต่างๆที่เหมาะสมกับความเชื่อ ทัศนคติ วิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ใน
ภูมิ-สังคมต่างๆ เช่น การเรียนทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษา การฝึกอบรม
การทดลองเป็นต้น ที่ผ่านมามนุษย์ได้ใช้วิธีการต่างๆเพื่อการพัฒนาตนเองและผู้คนในสังคม
ซึ่งรวมถึงสังคมโลกด้วย
แต่การพัฒนาที่ผ่านมาผู้คนได้ยึดแนวทางการพัฒนาที่เป็นกระแสหลักมากเกินไป
โดยทำตามๆกันไปตามกระแสโลกาภิวัตน์
ส่งผลให้แนวคิดการพัฒนาที่ไม่ใช่กระแสหลักถูกเบียดขับ กลายเป็นแนวทางชายขอบ
ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมส่วนใหญ่ และไม่ให้คุณค่า
ทำให้แนวทางการพัฒนาชายขอบขาดการพัฒนาต่อยอดและเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตกับผู้คนในยุคปัจจุบัน
ส่งผลให้ผู้คนในสังคมได้รับการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมกัน
โดยเฉพาะความไม่เท่าเทียมด้านการให้คุณค่าของผู้คนในสังคม เช่น
องค์ความรู้ท้องท้องถิ่นต่างๆ ที่แม้จะมีประโยชน์ มีคุณค่า
แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งผู้คนในสังคมและผู้คนในท้องถิ่นเอง ขณะที่เครื่องมือการพัฒนาในแนวทางหลักยังไม่สามารถตอบสนองต่อผู้คนได้อย่างทั่วถึงครอบคลุม
เกิดภาวะที่เรียกว่าชุมชนอ่อนแอ ชุมชนล่มสลาย เพราะสมาชิกในชุมชนที่เข้าไม่ถึงเครื่องมือการพัฒนากระแสหลักได้ละทิ้งแนวทางพื้นฐานของตนเอง
เพื่อแสดงหาการพัฒนากระแสหลักที่ผู้คนส่วนใหญ่ยอมรับ
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชนเพื่อให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนจึงควรเป็นการพัฒนาที่สมดุล
ให้คุณค่ากับแนวทางการพัฒนาทุกรูปแบบที่มีประโยชน์ โดยยึดความต้องการของหน่วยย่อยต่างๆในสังคมเป็นพื้นฐาน
แนวทางหลักในการพัฒนาสังคมโดยรวมต้องบูรณาการความหลากหลายต่างๆมีอยู่
ให้สามารถตอบสนองมนุษย์และชุมชนที่หลากหลายในสังคมได้อย่างเท่าเทียม
ผู้มีหน้าที่บริหารสังคมต้องกล้าชี้ให้เห็นว่าแนวทางใดที่เป็นการพัฒนาที่ไม่เหมาะสม
และต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
เลือกใช้แนวทางการพัฒนาที่เชื่อว่าจะสามารถตอบสนองต่อผู้คนทุกๆคน ทุกๆกลุ่มในสังคมได้อย่างยั่งยืน
โดยไม่ยึดถือแนวทางการพัฒนากระแสหลักแต่เพียงอย่างเดียว
บรรณานุกรม
ฉัตรทิพย์ นาถสุภา. 2546. ลัทธิเศรษฐกิจการเมือง. กรุงเทพมหานครฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชาญชัย อาจินสมาจาร. 2550. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพมหานครฯ: สำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร. 2549. วาทกรรมการพัฒนา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานครฯ: สำนักพิมพ์วิภาษา.
นภาภรณ์ หะวานนท์, เพ็ญสิริ
จีระเดชากุล และ สุรวุฒิ ปัดไธสง.
2550. ทฤษฎีฐานรากในเรื่องความเข้มแข็งของชุมชน. กรุงเทพมหานครฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ บรรณาธิการ. 2550. กถา
พัฒนากร. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานครฯ: บริษัท รำไทยเพรส
จำกัด.
นิวัติ เรื่องพานิช. 2542. การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานครฯ: ลินคอร์น
โปรโมชั่น.
บุญคง หันจางสิทธิ์. 2549. เศรษฐศาสตร์ทรัพยากรมนุษย์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานครฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง
เฮ้าส์.
ภัทรธิรา
ผลงาม.
2548. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา
ทรัพยากรมนุษย์กับการพัฒนา (ออนไลน์). http://www.rds.phd.lru.ac.th/Dr.patthira/tomra04/,
28 กันยายน 2551.
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
2544. สังคมและวัฒนธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานครฯ: บริษัทด่านสุธาการพิมพ์
จำกัด.
วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน. 2539. เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
เศรษฐศาสตร์สำหรับบุคคลทั่วไป.
พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานครฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วิรัช เตียงหงษากุล. 2529. หลักการพัฒนาชุมชน: บทบาทของสถาบันการศึกษากับการพัฒนาชุมชนชนบท. กรุงเทพมหานครฯ: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
สนธยา พลศรี, 2547. ทฤษฎีและหลักการพัฒนาชุมชน. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานครฯ: โอ.เอส.
พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
ศศินา ภารา. 2550. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพมหานครฯ: บริษัท ส.เอเซียเพรส
(1989) จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี. 2551. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 พ.ศ.2550-2554
(ออนไลน์). http://www.nesdb.go.th/Default.aspx?tabid=90, 28 กันยายน 2551.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น