ความรู้ความเข้าใจเรื่องการสหกรณ์ (Cooperative Literacy)
ตอนที่ 2 :
หลักการ และวิธีการสหกรณ์ (Cooperative Principles and
Cooperative Methods)
ตอนที่ (พิเศษ) : มูลค่าหุ้นกับหลักการสหกรณ์ข้อที่ 3
ปัญหาความขัดแย้งอันเนื่องมาจาก สมาชิกที่พ้นจากสมาชิกภาพแล้วไม่ได้เงินค่าหุ้นคืน
ผมไม่รู้ว่าปัญหานี้มีมานานแค่ไหน เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร
แต่ปัจจุบันผมต้องแนะนำส่งเสริมอธิบายเรื่องนี้อยู่เนือง ๆ ปัญหาสมาชิกที่พ้นจากสมาชิกภาพแล้วไม่ได้เงินค่าหุ้นคืน
เนื่องจากมูลค่าหุ้นลดน้อยถอยลงด้อยค่าจนมีค่าต่ำกว่าศูนย์บาทต่อหุ้น ทำไมจึงเป็นเช่นนี้
มีที่มาที่ไปอย่างไร ลองทำความเข้าใจกันดูครับ
ทำความเข้าใจเรื่องหุ้นในสหกรณ์ตามกฎหมาย
พ.ร.บ.สหกรณ พ.ศ.2471
มาตรา 4 บัญญัติไว้ว่า
(6) จำกัดสินใช้ให้หมายความว่า
สมาชิกแห่งสหกรร์อันได้จดทะเบียนแล้วนั้น
ต้องหนี้สินของสหกรณ์จำกัดเพียงไม่เกินราคาหุ้นของตนที่ยังส่งไม่ครบ
(7) ไม่จำกัดสินใช้ให้หมายความว่า
สมาชิกแห่งสหกรร์อันได้จดทะเบียนแล้วนั้น ทุกคนต้องรับใช้หนี้สินของสหกรณ์รวมกันและแทนกันไม่มีจำกัด
มาตรา 14
สมาชิกซึ่งออกจากสหกรณ์ไปนั้นต้องมีส่วนร่วมรับแบกหนี้สหกรณ์ตามจำนวนเงินที่สหกรณ์เป็นหนี้อยู่เมื่อวันซึ่งตนออกมีกำหนดสองปี
นับแต่วันที่ออกจากสมาชิก
พ.ร.บ.สหกรณ พ.ศ.2511
มาตรา 7 สหกรณ์มีสองชนิด
1) สหกรณ์จำกัด คือสหกรณ์ซึ่งสมาชิกมีความรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าหุ้นที่ตนถือ
2) สหกรณ์ไม่จำกัด
คือสหกรณ์ซึ่งสมาชิกทุกคนมีความรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของสหกรณ์โดยไม่จำกัด
มาตรา 11 (3)
มีทุนซึ่งแบ่งเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กันและผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิกแต่ละคนต้องถือหุ้นอย่างน้อยหนึ่งหุ้น
แต่ต้องไม่เกินหนึ่งในห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มาตรา 14
ข้อบังคับของสหกรณ์จำกัดอย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้
(5) ทุนซึ่งแบ่งเป็นหุ้น มูลค่าของหุ้น
การชำระค่าหุ้นด้วยเงินหรือทรัพย์สินอื่น การขายและการโอนหุ้น ตลอดจนการจ่ายคืนค่าหุ้น
มาตรา 20 ในการชำระค่าหุ้น
สมาชิกจะหักกลบลบหนี้กับสหกรณ์จำกัดไม่ได้
พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ.2542 และที่แก้ไข
มาตรา 42 ในการชำระค่าหุ้น
สมาชิกจะนำค่าหุ้นหักกลบลบหนี้กับสหกรณ์ไม่ได้และสมาชิกมีความรับผิดเพียง
ไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าหุ้นที่ตนถือ
ในระหว่างที่สมาชิกภาพของสมาชิกยังไม่สิ้นสุดลง
ห้ามมิให้เจ้าหนี้ของสมาชิกใช้สิทธิเรียกร้องหรืออายัดค่าหุ้นของสมาชิกผู้นั้น
และเมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง สหกรณ์มีสิทธิ์นำเงินตามมูลค่าหุ้นที่สมาชิกมีอยู่มาหักกลบลบหนี้ที่สมาชิกผูกพันต้องชำระหนี้แก่สหกรณ์ได้
และให้สหกรณ์มีสถานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิพิเศษเหนือเงินค่าหุ้นนั้น
ลองมาดูที่วรรคสองตรงข้อความว่า “เมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง สหกรณ์มีสิทธิ์นำเงินตามมูลค่าหุ้นที่สมาชิกมีอยู่มาหักกลบลบหนี้ที่สมาชิกผูกพันต้องชำระหนี้แก่สหกรณ์ได้”
ลองพิจารณาให้ชัดลงไปอีกว่า “เงินตามมูลค่าหุ้นที่สมาชิกมีอยู่” ตรงนี้แหละครับที่สำคัญ
สมการบัญชีกำหนดว่า สินทรัพย์=หนี้สิน+ทุน (ของสหกรณ์)
สหกรณ์ที่เข้มแข็งดำเนินงานตามอุดมการณ์
หลักการ วิธีการสหกรณ์ และมีธรรมาภิบาล
สมการบัญชีดังกล่าวย่อมสะท้อนให้เห็นว่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่มาจากส่วนที่เป็นทุนที่งอกเงย
ทุนที่งอกเงยส่วนใหญ่มาจากการถือหุ้นของสมาชิกและการจัดสรรกำไรสุทธิเข้าสู่ทุนต่าง
ๆ ของสหกรณ์ โดยเฉพาะทุนสำรอง
อนึ่ง
หากสหกรณ์ดำเนินการโดยไม่ยึดถือศรัทธาอุดมการณ์ หลักการ ไม่ดำเนินงานด้วยวิธีการสหกรณ์
สมการบัญชีดังกล่าว สินทรัพย์จะมีสัดส่วนของหนี้สินกับทุนที่แตกต่างออกไป
กล่าวคือหนี้สินจะมีมากขึ้น ๆ และหากมีการขาดทุนไปเรื่อย ๆ
ทุนที่มีอยู่ก็จะหดหายไป หนี้สินก็ต้องชดใช้
ทุนก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งในการถูกนำไปชดใช้หนี้สิน
การคำนวณมูลค่าหุ้นเพื่อให้สะท้อนผลการดำเนินงานของสหกรณ์จึงมีความสำคัญยิ่งตามเจตนารมณ์
มาตรา 42 ตรงที่บัญญัติว่า “สมาชิกมีความรับผิดเพียง
ไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าหุ้นที่ตนถือ” และ “เงินตามมูลค่าหุ้นที่สมาชิกมีอยู่” ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์ได้ออกแนวปฏิบัติการคำนวณมูลค่าหุ้นไว้ในคำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่องแนวปฏิบัติในการจ่ายคืนค่าหุ้น
กรณีสหกรณ์/ชุมนุมสหกรณ์ขาดทุนสะสม พ.ศ.2549 ซึ่งคำแนะนำนี้ใช้คู่กับคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ที่
278/2549 โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าการคำนวณมูลค่าหุ้นตามคำแนะนำดังกล่าวสะท้อนสมการบัญชีได้ดีที่สุดแล้ว
ตอนเที่ยงวันนี้ผมดูหนังเรื่อง Justice
League ตอนที่นางเอกกำลังต่อสู้กับอสูรผู้มีร่างกายใหญ่ยักษ์และมีฤทธิ์มาก
อสูรถามนางเอกว่าเจ้าจะสู้ข้าทำไม นัยว่าสู้ไปก็มีแต่แพ้และต้องตาย นางเอกตอบว่า “I
am a believer.” แปลว่าฉันมีศรัทธา ผมนี่ดวงตาเห็นธรรมเลย
นึกถึงอุดมการณ์ และหลักการสหกรณ์ขึ้นมาทันที ไม่ได้โม้นะนี่
ผมไม่ได้ศรัทธาอุดมการณ์
และหลักการสหกรณ์เพราะว่าผมทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์
แต่ผมศรัทธาเพราะผมศึกษาจนรับรู้และเข้าใจว่า
การสหกรณ์นี้มีคุณค่าต่อสังคมโลกเพียงใด
วันนี้พรุ่งนี้หากผมไม่ได้ทำงานในแวดวงสหกรณ์ ผมก็ยังคงมีศรัทธาต่อการสหกรณ์ตลอดไป
ไม่มีอะไรมาเปลี่ยน เพราะผมเชื่อแล้วศรัทธาแล้วจริง ๆ
ย้อนกลับมาที่ปัญหาความขัดแย้งเรื่องสมาชิกที่พ้นจากสมาชิกภาพแล้วไม่ได้เงินค่าหุ้นคืน
มันก็สะท้อนให้เห็นเรื่องความศรัทธาอย่างชัดเจนเช่นกัน
ทำไมสมาชิกยังเข้าใจว่าจะต้องได้เงินค่าหุ้นคืนทั้ง ๆ ที่สหกรณ์ขาดทุนสะสมจนมูลค่าหุ้นติดลบ
จากประสบการณ์ของผมอธิบายในเชิงกฎหมายก็แค่พอทำให้เข้าใจได้บางส่วนแต่ความไม่พอใจยังคงคุกรุ่น
แต่พออธิบายด้วยหลักการสหกรณ์ข้อที่ 3
สมาชิกดังกล่าวก็มีท่าทีหายโมโหลงไปได้มากทีเดียว
การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสมาชิก (Member
Economic Participation) สมาชิกต้องเชื่อและศรัทธาในอุดมการณ์สหกรณ์ว่าจะพาหลุดพ้นจากปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคม
ตรงนี้สำคัญมากว่าสหกรณ์ไม่ใช่พื้นที่แสวงหากำไรส่วนเกินเพื่อสะสมความมั่งคั่งแบบไม่รู้จบ
แต่สหกรณ์มุ่งแสวงหา “การกินดี อยู่ดี มีความเป็นธรรม
และสันติสุขในสังคม” ด้วยการร่วมมือกันเองของหมู่มวลสมาชิกภายในสหกรณ์
ในการดำเนินธุรกิจ และกิจกรรมต่าง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น