“…หลักการสหกรณ์มุ่งหวังการรวมคนเป็นสำคัญมากกว่าที่จะให้สมาชิกมุ่งการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนเช่นผู้ประกอบการของธุรกิจเอกชนทั่วไป ดังนั้นมูลค่าหุ้นของสหกรณ์ที่กำหนดในข้อบังคับจะมีมูลค่าต่ำ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีกำลังทรัพย์น้อยสามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ได้ และสมาชิกสามารถที่จะถือหุ้นเพิ่มได้ตลอดเวลาหรืออาจลดส่งค่าหุ้นได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ...” (ปรีชา สุวรรณทัต และทรงพล พนาวงศ์, 2555: 57)
“...โดยเหตุที่ตามหลักสหกรณ์ไม่มีจุดมุ่งหมายให้สมาชิกมาแสวงหากำไรจาการนำเงินมาลงทุนในสหกรณ์เหมือนกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ดังนั้น หลักสหกรณ์โดยทั่วไปจะจำกัดดอกเบี้ยที่ให้กับทุนเรือนหุ้น ซึ่งโดยปกติสหกรร์ควรจ่ายเงินปันผลตามหุ้นให้แก่สมาชิกในอัตราไม่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์...” (ปรีชา สุวรรณทัต และทรงพล พนาวงศ์, 2555: 65)
พอดีมีคนคุยให้ฟังว่า...ปัจจุบันสหกรณ์ (บางแห่ง) แบกรับภาระที่จะต้องจ่ายเงินปันผลให้กับสมาชิกเป็นจำนวนมาก จึงมีแนวคิดที่จะให้สมาชิกสามารถถอนหุ้นคืนได้โดยที่ยังคงสภาพความเป็นสมาชิกสหกรกรณ์อยู่ โดยจะแก้ไขข้อบังคับให้สามารถดำเนินการดังกล่าวได้
ร่างข้อบังคับของสหกรณ์เขียนว่า “…สมาชิกจะโอนหรือถอนหุ้นในระหว่างที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ไม่ได้…” (ดู พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ.2542 และฉบับที่แก้ไข มาตราที่เกี่ยวข้องกับทุนเรือนหุ้น ได้แก่ มาตรา 33 (3) มาตรา 42 มาตรา 42/2 และมาตรา 43 (5))
ผมเองก็ไม่ทราบหรอกครับว่าจริง ๆ แล้วหากจะดำเนินการดังกล่าวมันทำได้หรือไม่อย่างไร แต่มีความคิดดังนี้
ทุนเรือนหุ้นของสมาชิกจัดว่าเป็นทุนภายในของสหกรณ์ที่แท้จริง จากสมการบัญชีที่ว่า “สินทรัพย์=หนี้สิน+ทุน (ทุนเรือนหุ้น+ทุนสำรอง+ทุนสะสมอื่น ๆ)” แต่ในทางการบริหารงาน ก็จะนับเงินฝากของสมาชิกเป็นทุนภายในของสหกรณ์ด้วย แม้ในทางบัญชีเงินฝากของสมาชิกจะอยู่ฝั่งหนี้สินก็ตาม
ทุนเรือนหุ้นจึงเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ เพราะมันมาจากสมาชิกที่เป็นเจ้าของสหกรณ์ทุกคน มีมากมีน้อยก็มีความเป็นเจ้าของสหกรณ์เท่ากัน แต่ความสำเร็จของสหกรณ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหุ้นว่ามีมากมีน้อยแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าสมาชิกผู้เป็นเจ้าของสหกรณ์มาดำเนินธุรกิจร่วมกับสหกรณ์มากน้อยแค่ไหน
การดำเนินธุรกิจของสหกรณ์
เมื่อเกิดผลกำไร กำไรที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า
1.
การบริหารงาน การบริหารธุรกิจมีประสิทธิภาพ
2.
ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ ส่วนหนึ่งเพราะใช้ทุนของตนเอง
(ทุนเรือนหุ้น+เงินฝากของสมาชิก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามกลไกตลาด
และข้อยกเว้นที่สมาชิกผู้ฝากเงินออมทรัพย์กับสหกรณ์ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา
42 (8) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร)
3. สมาชิกมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจกับสหกรณ์มาก
เมื่อมีกำไรเราจะจัดสรรอย่างไร
1.
การบริหารงาน การบริหารธุรกิจมีประสิทธิภาพ ก็จัดสรรเป็นโบนัสกรรมการและฝ่ายจัดการ
อัตราไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ
2.
ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ ส่วนหนึ่งเพราะใช้ทุนของตนเอง
เมื่อมีกำไรก็จัดสรรเป็นเงินปันผลในอัตราตามที่คำนวณต้นทุนเงินในการดำเนินธุรกิจ
3. สมาชิกมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจกับสหกรณ์มาก ก่อให้เกิดผลกำไรก็จ่ายเป็นเงินเฉลี่ยคืนในอัตราที่เหมาะสม
ทั้งนี้ เงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนได้รับการยกเว้นภาษีตามประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2514 มาตรา 3
การที่บอกว่า... “สหกรณ์หลายแห่งแบกรับภาระที่จะต้องจ่ายเงินปันผลให้กับสมาชิกเป็นจำนวนมาก” จึงต้องกลับไปทบทวนว่าอัตราเงินปันผลที่จ่ายนั้นได้คำนวณตามต้นทุนเงินในการดำเนินธุรกิจหรือไม่ มีปัจจัยอื่นที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการคำนวณหรือไม่
ถ้าเรายึดหลักการที่ว่า “หลักการสหกรณ์มุ่งหวังการรวมคนเป็นสำคัญมากกว่าที่จะให้สมาชิกมุ่งการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน” ทุนเรือนหุ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผูกสัมพันธ์และเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของการช่วยเหลือตนเอง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามอุดมการณ์สหกรณ์
ถ้าจะแก้ปัญหา “สหกรณ์ (บางแห่ง) แบกรับภาระที่จะต้องจ่ายเงินปันผลให้กับสมาชิกเป็นจำนวนมาก” ควรแก้ที่การกำหนดอัตราจ่ายเงินปันผลให้เหมาะสมกว่าเดิม ดีกว่าที่จะแก้ ข้อบังคับหรือบรรดากฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สมาชิกสามารถถอนหุ้นคืนได้ แต่ยังคงสภาพความเป็นสมาชิก ... แก้แบบนี้จะดีกว่าไหมครับ
ข้อกฎหมาย
พระราชบัญญัติสหกรณ์
พ.ศ.2542 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา 33
สหกรณ์จะตั้งขึ้นได้โดยการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้
และต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของบรรดาสมาชิกโดยวิธีช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการสหกรณ์
และต้อง
(3) มีทุนซึ่งแบ่งเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า
ๆ กัน และสมาชิกแต่ละคนจะต้องถือหุ้นอย่างน้อยหนึ่งหุ้น
แต่ไม่เกินหนึ่งในห้าของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด
ในระหว่างที่สมาชิกภาพของสมาชิกยังไม่สิ้นสุดลง
ห้ามมิให้เจ้าหนี้ของสมาชิกใช้สิทธิเรียกร้องหรืออายัดค่าหุ้นของสมาชิกผู้นั้น
และเมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง สหกรณ์มีสิทธินำเงินตามมูลค่าหุ้นที่สมาชิกมีอยู่มาหักกลบลบหนี้ที่สมาชิกผูกพันต้องชำระหนี้แก่สหกรณ์ได้
และให้สหกรณ์มีฐานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิพิเศษเหนือเงินค่าหุ้นนั้น
มาตรา 42/2 สมาชิกอาจทำหนังสือตั้งบุคคลหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้รับโอนประโยชน์
ในเงินค่าหุ้น เงินฝาก หรือเงินอื่นใดจากสหกรณ์เมื่อตนถึงแก่ความตาย
โดยมอบไว้แก่สหกรณ์เป็นหลักฐาน
มาตรา
43 ข้อบังคับของสหกรณ์อย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น