เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2483 เป็นวันที่ประกาศ พระราชบัญญัติ ปีประดิทิน พุทธศักราช 2493
สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้
คือ การเปลี่ยนวันเริ่มต้นปีใหม่ จากวันที่ 1 เมษายน สิ้นสุด 31 มีนาคม
ของทุกปี เป็นวันที่ 1 มกราคม สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี ให้สอดคล้องกับปฏิทินสากลที่ใช้กันทั่วโลก
การนับระยะเวลาในรอบปีแบบเดิม
(1 เมษายน
- 31 มีนาคม) เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2432 สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งก่อนหน้านั้นวันขึ้นปีใหม่ ตรงกับ วันขึ้น 1 ค่ำเดือนห้า
ตามปฏิทินจันทรคติ และก่อนหน้านั้น วันขึ้นปีใหม่คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย
พ.ร.บ. ปีประดิทิน
พุทธศักราช 2493 มีผลบังคับใช้ภายใน
30 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทำให้วันที่ 1
มกราคม พ.ศ.2484 เป็นวันขึ้นปีใหม่ตาม พ.ร.บ.
ปีประดิทิน พ.ศ. 2493 ก่อนหน้าวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2483 วันปีใหม่ไทยตรงกับวันที่ 1
เมษายน เมื่อกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ทำให้ปี พ.ศ.2493 มีจำนวนเดือนหายไป 3 เดือน คือ มกราคม กุมภาพันธ์
และมีนาคม
1 ปี มี 9 เดือน
จึงมีความเป็นมาเช่นนี้แล
แต่ที่ผมสนใจก็คือ
การนับรอบปีแบบเดิม (1 เมษายน
- 31 มีนาคม)
มันไปสอดคล้องกับการนับปีทางบัญชีของสหกรณ์การเกษตรส่วนใหญ่ในประเทศไทย
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด (ยังไม่ได้ศึกษา)
สหกรณ์การเกษตรส่วนใหญ่จึงเริ่มต้นปีทางบัญชี วันที่ 1 เมษายน
และสิ้นสุด 31 มีนาคม
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2459 เป็นวันที่มีสหกรณ์แห่งแรกเกิดขึ้นในประเทศไทย คือ สหกรณ์วัดจันทร์
ไม่จำกัดสิ้นใช้ ในขณะนั้นประเทศไทย ก็นับระยะเวลาในรอบปีแบบ (1 เมษายน - 31 มีนาคม)
ก็สอดคล้องกันกับการนับระยะเวลาทางปีบัญชีของสหกรณ์ในขณะนั้น
และยาวนานมาจนปัจจุบันนี้
ยังไม่สรุปว่าปีทางบัญชีของสหกรณ์การเกษตรส่วนใหญ่ สอดคล้องกับการนับรอบปีแบบสมัย 1 เมษายน พ.ศ. 2432 - 16 ตุลาคม พ.ศ.2483 หรือไม่ อย่างไร เอาแค่ให้เห็นร่องรอย
เอกสารและสิ่งอ้างอิง
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2483/A/419.PDF
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น