เมื่อวันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2563 ผมเขียนบทความสั้น ๆ เกี่ยวกับ “วันสหกรณ์สากล” ตอนหนึ่งผมเขียนถึงประเด็นท้าทายในปัจจุบันที่ขบวนการสหกรณ์โลกให้ความสำคัญ โดยองค์การสหประชาชาติ (United nations) สรุปและเชิญชวนว่า “Let's cooperate and invite everyone to fight for climate action” ให้ขบวนการสหกรณ์โลกและผู้คนบนโลกนี้ร่วมกันต่อสู้กับภัยธรรมชาติที่เรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก (Climate Changed)”
ความตั้งใจจริงในการเขียนครั้งนั้นก็เพื่อให้ผู้คนในขบวนการสหกรณ์ไม่ลืมวันสำคัญของขบวนการสหกรณ์โลก
ปัจจุบันความคิดวน ๆ เวียน ๆ
อยู่กับเรื่องหนี้สินภาคการเกษตร เพราะมีคนมาให้ช่วยคิดเรื่องนี้บ่อย ๆ คิดเรื่องมาตรการแก้หนี้
หาวิธีวิธีมาบรรเทาแก้ไข คิดแล้วคิดอีก แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่ยังหาแนวทางแก้อย่างยั่งยืนไม่เจอ
คิดไปคิดมาก็นึกถึงคำพูดของลุงท่านหนึ่ง
เมื่อคราวเราประชุมหารือกัน ประเด็นการสนทนาก็ปรับทุกข์สุขกันเรื่องหนี้สิน และตัวร้ายของเรื่องหนี้สินก็คือ
“ภัยแล้ง” คุณลุงพูดได้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า “เรามันไม่เข้าใจกันเอง ทำการเกษตรฝืนธรรมชาติมันก็มีแต่เจ๊ง
ต้องปรับตัวให้เข้ากับฤดูกาลที่เปลี่ยนไปแล้ว...”
ความคิดและคำพูดของคุณลุงช่างทันสมัย
และล้ำลึก จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากเราไม่พิจารณากันที่ต้นเหตุของปัญหาหนี้สิน
ก็คงต้องแก้หนี้กันไปไม่รู้จบ
ใครจะไปคิดว่าเอาเข้าจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิอากาศโลกมีผลต่อปัญหาหนี้สินภาคเกษตรเด่นชัดขึ้นมาทุกขณะ
หากยังเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิอากาศโลก บางทีอาจสายเกินไป
การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก
เป็นภาวะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น ฤดูกาลต่าง ๆ คลาดเคลื่อน
เปลี่ยนแปลงไปจากสภาวะปกติธรรมดา ส่งผลโดยตรงต่อการวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์
และสิ่งมีชีวิตอื่นทั้งพืชและสัตว์
ขณะที่สังคมโลกให้ความสำคัญต่อการเอาชนะความอดอยากหิวโหย
เอาชนะความยากจน ลดทอนความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม
แต่การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกกลับยิ่งส่งผลให้ปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวหนักหนายิ่งกว่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลส่งผลให้วิถีการผลิตทางการเกษตรเปลี่ยนแปลงไป
เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น มีความเสี่ยงในการผลิตมากขึ้น
สังคมโลกเผชิญกับความไม่มั่นคงด้านอาหาร การแก่งแย่งแข่งขันกันครอบครองทรัพยากรทวีความรุนแรงขึ้น
ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมยังดำรงอยู่
การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก
ส่งผลให้พืชและสัตว์บางชนิด ต้องสูญพันธุ์หรือกลายพันธุ์
ส่งผลต่อความสมดุลของระบบนิเวศทั่วโลก ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง
โลกต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรุนแรง อาทิ ไฟป่าที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ปัญหาหมอกควันพิษ น้ำท่วมใหญ่ อากาศที่หนาวจัด ร้อนจัด ฝนทิ้งช่วงยาวนาน ภัยธรรมชาติต่าง
ๆ เหล่านี้ล้วนสร้างความยากลำบากให้แก่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
ความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกจึงเป็น “ฤดูมหาพิบัติภัย” ที่คุกคามทุกชีวิตบนโลก
การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก
อาจเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติหรือเป็นภาวะการณ์ที่มนุษย์มีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น
มนุษย์คิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเอาชนะธรรมชาติ
ตอบสนองความต้องการด้านการบริโภค ผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
มีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความสะดวกสบาย และความมั่งคั่งทางเศรษฐศาสตร์
จนละเลยเรื่องความสมดุล ความผาสุกของสังคมที่อยู่บนพื้นฐานความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ระบบภูมิอากาศของโลกจะกลับสู่ภาวะสมดุล
สรรพชีวิตจะได้รับการฟื้นฟู ก็ด้วยสองมือของแต่ละคนช่วยกันสร้างโลกที่ดีขึ้น การรับรู้เข้าใจและตระหนักเกี่ยวกับสาเหตุ
ปัญหา ผลทางตรง และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก
เชื่อมั่นและปฏิบัติการพัฒนาที่ยั่งยืน
เปลี่ยนเป้าหมายการใช้ชีวิต กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องเป็นไปเพื่อความพอเพียง สมดุล
ลดการแข่งขัน เพิ่มความร่วมมือระหว่างกัน สร้างเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน
กระจายความกินดีอยู่ดี ไปสู่ทุกชุนชน และทุกสังคมบนโลก ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูโลก
ช่วยกันสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ เรียนรู้อยู่กับธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์
ไม่ทำลาย เพื่อฤดูกาลปกติของโลกกลับคืนสู่ทุกชีวิต
#วิถีสหกรณ์-วิถีเกษตรกรรมยั่งยืน-ฟื้นโลกฟื้นเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น