หนังสือ “คำอธิบายพระราชบัญญัติสหกรณ์และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2542 (กฎหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน)” ของ ปรีชา สุวรรณทัต และทรงพล พนาวงศ์ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ.2555
ตอนหนึ่งของหนังสือได้อธิบายเกี่ยวกับ
“ลักษณะที่เป็นพิเศษของกฎหมายสหกรณ์” ไว้ดังนี้
กฎหมายสหกรณ์มีลักษณะที่เป็นพิเศษทั้งในความคิดและการใช้ที่แตกต่างกับกฎหมาย
ทั่วไป เพราะกฎหมายสหกรณ์มีลักษณะผสมผสานทั้งในส่วนของความเป็นกฎหมายมหาชน
ในสาขากฎหมายปกครองและเป็นกฎหมายเอกชนในลักษณะกฎหมายธุรกิจตามลักษณะที่สหกรณ์เป็นองค์กรธุรกิจในภาคเอกชนด้วย
ในความเป็นกฎหมายมหาชน
ในสาขากฎหมายปกครอง เพราะได้มีการกําหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ
หรือหน่วยงานของรัฐกับองค์กรสหกรณ์ต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการดําเนินการสหกรณ์
ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ ตลอดจนสมาชิกของสหกรณ์
ในลักษณะที่รัฐเป็นฝ่ายปกครอง ซึ่งได้แก่อํานาจของนายทะเบียนสหกรณ์
คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์ ผู้ตรวจการสหกรณ์ และผู้สอบบัญชีสหกรณ์
ที่อยู่ในฐานะที่เป็นฝ่ายปกครอง
คําสั่งของคณะบุคคลและบุคคลดังกล่าวที่สั่งตามอํานาจหน้าที่ที่กฎหมายสหกรณ์ได้ให้อํานาจไว้
จึงมีลักษณะเป็นคําสั่งทางปกครองอย่างหนึ่ง
ฉะนั้นถ้าปรากฏว่าคําวินิจฉัยหรือคําสั่งนั้นเข้าข่ายไม่ชอบด้วย กฎหมาย
ไม่มีอํานาจ นอกเหนืออํานาจหน้าที่ ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน ไม่สุจริต
มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จําเป็น
ผู้ได้รับความเสียหาย หรือเดือดร้อน อันเนื่องมาจากการกระทํา
หรือคําสั่งดังกล่าวอาจฟ้องเป็นคดีต่อศาลปกครอง
ตามกฎหมายจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาปกครองได้
มีข้อสังเกตว่าอํานาจรัฐในฐานะที่เป็นฝ่ายปกครองในส่วนที่เกี่ยวกับสหกรณ์จะต้องเป็นไปในลักษณะที่เป็นการส่งเสริม
สนับสนุน และคุ้มครองระบบสหกรณ์ตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องกระทําอันมิใช่มีลักษณะเป็นการควบคุม
กํากับ ในลักษณะที่เป็นการบังคับ เพราะการดําเนินงานของสหกรณ์โดยแท้จริง
จะต้องมาจากการริเริ่ม ตามความต้องการของบรรดามวลสมาชิกทั้งหลายของสหกรณ์
แล้วจึงนําความต้องการนั้น
ไปดําเนินการตามเจตนารมณ์ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
ในส่วนที่กฎหมายสหกรณ์
มีลักษณะเป็นกฎหมายเอกชน ในสาขากฎหมายธุรกิจ เพราะสหกรณ์เป็นองค์กรธุรกิจ
ในภาคเอกชน โดยมีคณะบุคคลที่มีแนวความคิดหรือเจตจํานง ร่วมกันที่จะดําเนินกิจการ
เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ และสังคมในการช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
อันเป็นแก่นปรัชญาของระบบสหกรณ์ในลักษณะนี้
จะเห็นได้ว่ากฎหมายสหกรณ์ในหลายลักษณะหลายส่วนได้กําหนดเกี่ยวกับการดําเนินกิจการของสหกรณ์
ที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนต่อเอกชนด้วยกัน
และในฐานะที่เท่าเทียมกันตามหลักของกฎหมายเอกชน ซึ่งได้แก่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของบุคคลธรรมดา
ซึ่งได้แก่สมาชิกสหกรณ์หรือนิติบุคคล ซึ่งได้แก่สหกรณ์ในการทํานิติกรรมสัญญา
ระหว่างกันเอง หรือไปผูกพันบุคคลภายนอก
เมื่อกฎหมายสหกรณ์มีลักษณะพิเศษที่เป็นทั้งกฎหมายมหาชนและกฎหมายเอกชนดังกล่าวแล้ว
ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมายสหกรณ์ ก็จะต้องมีความคิด
หรือเปลี่ยนความคิดในการใช้กฎหมายสหกรณ์ในส่วนนั้น ๆ
ให้ตรงกับลักษณะของกฎหมายสหกรณ์ในส่วนนั้น ๆ ด้วย เพื่อจะได้ใช้กฎหมายสหกรณ์ให้ถูกต้อง
โดยจะต้องเริ่มต้นคิดและใช้ให้เป็นระบบ ดังนี้
ข้อหนึ่ง
เรื่องนี้เป็นเรื่องอะไร
ข้อสอง
กฎหมายสหกรณ์ได้กําหนดหลักเกณฑ์ หรือองค์ประกอบ เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างไร
ข้อสาม
หลักเกณฑ์หรือองค์ประกอบนั้น มีความหมายอย่างไร
ข้อสี่
ข้อเท็จจริงเข้าหรือไม่กับหลักเกณฑ์ หรือองค์ประกอบและได้ผลอย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น