จากห่วงโซ่คุณค่าชุมชน (Community Value Chains : CVCs) สู่ ห่วงโซ่คุณค่าโลก (Global Value Chains : GVCs)
ตามประสาคนฟุ้งซ่าน
ก็มักคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย วันนี้นึกครึ้ม ๆ ตามอากาศ
ว่าเราจะสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจชุมชนกับเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างไร
ให้เกิดผลที่เรียกว่า “การสร้างความเข้มแข็งจากภายในเป็นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ในสถานการณ์ที่โครงสร้างรายได้ของประเทศ
มาจากภาคการค้า+บริการ อุตสาหกรรม และภาคเกษตรตามลำดับ (ภาคเกษตรสัดส่วนรายได้น้อยมาก
เมื่อเทียบกับภาคการค้า+บริการ และภาคอุตสาหกรรม
แต่ผู้คนที่อยู่ในภาคเกษตรกลับยังมีอยู่เป็นจำนวนมากแม้จะมีแนวโน้มจำนวนลดลง) นำมาซึ่งความเหลื่อมล้ำ
และซ้ำเติมในสภาวะวิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัส Corona
รายงานประจำปีของธนาคารโลก
(World Bank: WB) ที่ชื่อ World
Development Report ปีนี้
ธนาคารโลกนำเสนอรายงาน ชื่อ World Development Report 2020:
Trading for Development in The Age of Global Value Chains “การค้าเพื่อการพัฒนาในยุคของห่วงโซ่คุณค่าโลก”
คำสำคัญคือ “Global
Value Chains (GVCs)”
ผมสรุปเอาเองว่า
GVCs คือ ห่วงโซ่คุณค่าโลก
ลักษณะคล้าย ๆ การแบ่งงานกันทำตามหลักเศรษฐศาสตร์แต่ไม่ใช่ลักษณะของการแลกเปลี่ยนสินค้า
แต่เป็นการส่งต่อผลผลิตจากต้นทาง สู่กลางทาง และปลายทางของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ
เป็นการแบ่งงานกันผลิตตามศักยภาพ ใครถนัดอะไรก็ทำสิ่งนั้น แล้วก็ส่งต่อผลผลิต
จนไปถึงผลิตภัณฑ์สุดท้าย มูลค่าทางธุรกิจก็จะเกิดขึ้นในทุก ๆ ห่วงโซ่คุณค่า เกิดการแบ่งปันผลประโยชน์ในตัวสินค้าหนึ่ง
ๆ เช่น ในการผลิตรถยนต์ เทคโนโลยีมาจากประเทศหนึ่ง เหล็กมาจากประเทศหนึ่ง
ยางรถยนต์มาจากประเทศหนึ่ง ชิ้นส่วนมาจากประเทศหนึ่ง
และสุดท้ายก็มาจบตรงที่ประเทศผู้ประกอบรถยนต์ และจำหน่ายไปยังประเทศต่าง ๆ
รวมถึงประเทศต้นทางของแต่ห่วงโซ่คุณค่าของการผลิตรถยนต์คันหนึ่ง
ธนาคารโลกกำหนดกรอบแนวคิดไว้ว่า
GVCs จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันได้
แต่ละห่วงโซ่คุณค่าของโลกจะต้องขับเคลื่อนโดย Openness, Connectivity,
Cooperation ผ่านกลไกของ GVCs
ที่มีลักษณะ Hyperspecialization
and firm-to-firm relationships อันจะนำไปสู่
Social and Environmental Protection เป็นแนวคิดที่สุดยอดจริง
ๆ ครับ
เศรษฐกิจชุมชนเป็นฐานรากที่สำคัญ
ถ้าลองขับเคลื่อนด้วยแนวคิดแบบ GVCs
ดูบ้างโดยปรับเป็น CVCs: Community Value Chains “ห่วงโซ่คุณค่าชุมชน” มันจะเป็นไปได้ไหม
รถยนต์คันหนึ่งมูลค่าเท่าไรก็ตาม
ทำอย่างไรจะกระจายกำไรไปสู่ผู้คนในแต่ละห่วงโซ่คุณค่าของรถคันนี้อย่างยุติธรรมเท่าเทียม
ถ้าเปลี่ยนจากรถยนต์เป็นสินค้าอื่น ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่มีต้นทางของผลิตภัณฑ์เป็นผลผลิตทางการเกษตร
ก็ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ถ้ามันเป็นไปได้จริง ความเหลื่อมล้ำย่อมลดลงแน่นอน และเชื่อว่าหากความเหลื่อมล้ำมันเหลือน้อยหรือไม่มีเลย
ประเทศต่าง ๆ จะรับมือกับวิกฤติการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น